Quantcast
Channel: Headbangkok
Viewing all 6406 articles
Browse latest View live

Misery Index ระเบิดพลังโคตรไกรนด์ในซิงเกิลใหม่ล่าสุด “The Choir Invisible”

$
0
0

ในฟากร็อกกระแสหลัก หลาย ๆ วงเลือกที่จะหันหนาไปหาแนวดนตรีที่เบาและขายในวงกว้างได้มากขึ้น แต่อีกฟากหนึ่งที่เน้นโหดแบบเฉพาะทาง ก็ยังปล่อยความเข้มข้นออกมากระแทกรูหูเหล่าเมทัลเฮดกันได้ทุกวัน และล่าสุดก็เป็น Misery Index โคตรวงเดธเมทัล/ไกรนด์คอร์ตัวเดือดจากเมืองบัลติเมอร์ รัฐแมรีแลนด์ กับซิงเกิลล่าสุดชื่อว่า “The Choir Invisible”

เรื่องความโหดต้องบอกว่าสาดกันมาให้ตั้งแต่ต้นเพลง เสียงสำรอกดุดันสไตล์เดธเมทัลของ Jason Netherton มีให้ฟังกันตลอดทั้งเพลง ริฟฟ์กีตาร์เข้มข้น โซโล่เท่สะใจ ท้าชนทุกภาคส่วน เรื่องกลองต้องบอกว่าสับกันแหลกละเอียดยิ่งกว่าหมูบนเขียง ความโดดเด่นหนึ่งของเพลงนี้คือมีทางคอร์ดกีตาร์และกลิ่นเทไปทางแนวฮาร์ดคอร์มากระดับหนึ่ง ดูออกว่าเป็นเพลงที่ออกแบบมาเพื่อใช้ระเบิดพลังในการแสดงสดแน่นอน ขอยกให้เป็น 4:25 นาทีที่พุ่งที่สุดในรอบสัปดาห์นี้ไปเลย

เพลงนี้จะรวมอยู่ใน Rituals of Power อัลบั้มเต็มลำดับที่หกของวง จะวางจำหน่ายผ่านค่าย Season of Mist ในวันที่ 9 มีนาคมนี้เป็นต้นไป

[ ที่มา – Metal Insider ]


โชว์ของ As I Lay Dying ที่เมมฟิสถูกยกเลิก เหตุเพราะคดีเก่าของ Tim Lambesis

$
0
0

คอนเสิร์ตของ As I Lay Dying วงเมทัลคอร์ชื่อดัง ณ เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 เมษายน ถูกประกาศยกเลิก ด้วยเหตุผลว่า Tim Lambesis นักร้องนำของวงเคยมีคดี ‘พยายามจัดหามือปืนเพื่อสังหารภรรยา’ ติดตัว

Tim ถูกจับกุมในปี ค.ศ. 2013 และถูกตัดสินจำคุก 6 ปีในปี 2014 และถูกปล่อยตัวก่อนกำหนดเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ เขาชวนเพื่อนสมาชิกทั้งสี่คนของ As I Lay Dying ที่ออกไปฟอร์มวง Wovenwar กลับมารวมตัวกันและปล่อยผลงานใหม่ชื่อ “My Own Grave” ออกมา พร้อมออกแถลงการณ์สำนึกผิดและขอบคุณสำหรับโอกาสในการเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง


หวั่นดราม่า-ที่จัดยกเลิกโชว์

ทว่า ในสังคมคนฟังเพลงเมทัลก็ไม่ได้ยกโทษให้เขาเสียทั้งหมด และร้าน Growlers แห่งเมืองเทนเนสซีแห่งนี้ก็จัดอยู่ในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน ในแถลงการณืยกเลิกโชว์ ทางร้านบอกว่าจะจัดงานที่นำวงท้องถิ่นมาเล่นเพื่อหารายได้ให้กับผู้ประสบภัยจากความรุนแรงในครอบครัวแทน

ช่วงหนึ่งของประกาศยกเลิกโชว์ ทางร้านยกคำแถลงสำนึกผิดของ Tim Lambesis มาประกอบ พร้อมแสดงความเห็นต่อท้ายว่า:

“อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนที่จะพร้อมสำหรับมอบโอกาสที่สองให้ Lambesis และร้าน Growlers เองก็เป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในเมืองเมมฟิสจากการนำวงดนตรีของเขามาเล่นที่นี่”


Tim แถลง เข้าใจดีอะไรเป็นอะไร

ทางด้าน Tim Lambesis กระบอกเสียงผู้มีชนักติดหลังเองก็ไม่ปล่อยให้แฟนเพลงต้องรอคอย เขาออกมาโพสต์สเตตัสแถลงการณ์ชุดยาว เพื่อบอกว่าเขาเองถึงแม้จะผิดหวังกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็เข้าใจในสถานการณ์ว่าอะไรเป็นอะไร อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่ากำลังหาทางออกอื่นให้กับแฟนเพลงในเมืองเมมฟิส อาจเป็นอีเวนต์พบปะถามตอบในศูนย์ฟื้นฟูที่เปิดให้เข้าได้ฟรี และเจ้าตัวยังร่ายยาวว่าในระหว่างที่อยู่ในเรือนจำตนเองได้ทำอะไรมาบ้าง ซึ่งก็มีทั้งการเลิกยา บำบัดสุขภาพจิต ทำงานต่าง ๆ ภายในเรือนจำ เป็นติวเตอร์ รวมถึงยังแวะเวียนไปช่วยงานในเรือนจำอยู่เรื่อย ๆ

นอกจากนี้แล้ว รายได้จากทัวร์ครั้งใหม่ของวง Tim และเพื่อนร่วมวงก็แบ่งเงินมาบริจาคให้กับองค์กรต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกด้วยเช่นกัน โดยเจ้าตัวทิ้งท้ายไว้ว่า ที่เล่ามาทั้งหมดไม่ได้ต้องการคำชม แต่ต้องการแสดงให้เห็นว่าเขาจริงจังมากแค่ไหนในการกลับตัวกลับใจ

“จากการร่ายยาวมาทั้งหมด ผมไม่ได้ตั้งใจทำไปเพื่อจะได้รับคำชมหรือการจดจำใด ๆ กลับมา เรื่องง่าย ๆ ที่ผมต้องการก็คือการแสดงออกมาให้ชัดเจนว่าผมจริงจังกับการแก้ปัญหาเหล่านี้มากแค่ไหน”


ก็ขึ้นอยู่กับสังคมเพลงเมทัลแล้วว่าจะลงโทษเขาคนนี้และวง As I Lay Dying ไปถึงเมื่อไร แต่ที่แน่ ๆ ถ้าอเมริกาไม่ต้อนรับ สาวกในประเทศไทยพร้อมให้โอกาสเสมอครับ มาสิ มาสิ!

สำหรับคนที่ไม่ได้ตามเรื่องราวคดีของ Tim Lambesis ตั้งแต่แรก อ่านบทความย้อนรอยได้ที่นี่


[ ที่มา – Metal Injection, Tim Lambesis’s Facebook ]

Ozzy Osbourne ล้มป่วยกระทันหัน หามส่ง รพ. + เลื่อนทัวร์ยุโรป

$
0
0

เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มกราคม มีการประกาศเลื่อนทัวร์คอนเสิร์ตในทวีปยุโรปของ Ozzy Osbourne ทั้งหมดออกไปเป็นช่วงเดือนกันยายนของปีแทน เนื่องจากเจ้าชายแห่งความมืดวัย 70 ปีของเราเกิดล้มป่วยขึ้นมากระทันหัน

ล่าสุดที่ทวิตเตอร์ Sharon Osbourne ภรรยาของป๋า Ozz ก็ออกมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าตอนนี้เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้วเนื่องจากอาการป่วยทรุดลงกว่าเดิม และทางแพทย์มองว่านำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นวิธีการรักษาและฟื้นฟูที่รวดเร็วที่สุด

รายงานของ The Blast ระบุว่า Ozzy อยู่ที่โรงพยาบาล Keck Hospital of University of Southern California มาตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา (4 กุมภาพันธ์)

ณ ปัจจุบัน Ozzy Osbourne ยังมีตารางทัวร์แถบประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป จากนี้เราคงต้องมาติดตามอาการของเขากันอย่างใกล้ชิด

และบอกได้เลยว่าคนที่ซื้อตั๋วเทศกาลดนตรี Download Japan ไว้แล้ว มีเสียวอดดูครับ!

[ ที่มา – Loudwire, The Blast ]

แพ้นอกบ้าน: ยอดขายอัลบั้ม amo ของ Bring Me the Horizon แพ้ That’s the Spirit ในอเมริกา

$
0
0

แม้จะเปิดตัวแบบขาขึ้นบนชาร์ตเพลง Official Album Charts ในสหราชอาณาจักรที่อันดับ 1 แต่ในอเมริกา Bring Me the Horizon ได้สัมผัสกับขาลงเป็นครั้งแรก

amo สตูดิโออัลบั้มชุดที่ห้าของ Bring Me the Horizon เปิดตัวที่อันดับ 14 บนชาร์ตเพลง Billboard 200 ของสหรัฐอเมริกา ด้วยยอดขายสัปดาห์แรกราว 16,000 ชุด ตกลงมาถึง 12 อันดับจากที่เคยทำได้ในอัลบั้ม That’s the Spirit ที่ยอดขายสัปดาห์แรกทำได้มากถึง 62,000 ชุด เปิดตัวที่อันดับ 2 บนชาร์ต และยังเป็นสถิติที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาของทางวงมาจนถึงปัจจุบัน

อัลบั้มที่ครองแชมป์อันดับ 1 บน Billboard 200 ในสัปดาห์นี้คือ DNA อัลบั้มคัมแบ็กในวัยชราของตำนานบอยแบนด์ Backstreet Boys ที่กวาดไปถึง 234,000 ชุดในสัปดาห์เดียว

อ่านรีวิวอัลบั้ม amo ได้ที่นี่

[ ที่มา – Lambgoat ]

Corey Taylor แห่ง Slipknot ทำเพลงร่วมกับแร็ปเปอร์ Kid Bookie

$
0
0

ไม่แน่ใจว่าคิดติดแฮชแท็ก #คนว่าง2019 หรือ #คนขยัน2019 ให้กับ Corey Taylor กันแน่ เพราะล่าสุดมีข่าวออกมาว่าจะไปร่วมงานในโปรเจกต์ของศิลปินอื่นอีกแล้ว!

เรื่องเริ่มจากที่ทวิตเตอร์ของแร็ปเปอร์รุ่นใหม่ไฟแรงจากลอนดอน Kid Bookie ที่ออกมาทวีตอวยเพลง “Wait and Bleed” ของวง Slipknot ว่าคลาสสิกระดับเดียวกับ “Chop Suey” ของวง System of a Down ยังไงยังงั้น ตามมาด้วยการทวีตไปบอกกับ Corey ว่า “ผมจะต้องร่วมงานกับคุณให้ได้ก่อนที่เราทั้งสองคนจะจากโลกใบนี้ไป” ซึ่งฟรอนต์แมนคอหนาของพวกเราก็ตอบกับมาสั้น ๆ ว่า “เอาวะ มาคุยกันหน่อยเพื่อน”

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 31 มกราคม หลังจากนั้นเพียง 6 วัน Kid Bookie ก็ออกมาประกาศว่าเขากับ Corey Taylor กำลังจะมีผลงานร่วมกันออกมาให้ฟังเร็ว ๆ นี้

คิดไว ทำไว น่าให้มาลงเล่นการเมือง!

[ ที่มา – Loudwire ]

ร็อกสู่กันฟัง: ONE OK ROCK Live in London 2018 ส่งท้ายปีเก่า-ต้อนรับชุดใหม่ “Eyes of the Storm”

$
0
0

ระหว่างที่วง ONE OK ROCK กำลังรอวันปล่อยวันปล่อยอัลบั้ม Eye of the Storm ซึ่งจะออกขายวันที่ 15 กุมภาพันธ์ปีนี้ พวกเขาก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ แต่ได้ออกทัวร์ยุโรปสั้น ๆ เพื่ออุ่นเครื่องแฟน ๆ ให้เตรียมพร้อมกับการกลับมากับอัลบั้มใหม่ โดยคราวนี้วงได้ไปเยี่ยมเยียนทั้งหมด 4 ประเทศพร้อมกับวง Vukovi ซึ่งคือวงป๊อปร็อกจากสก๊อตแลนด์

คราวนี้ผู้เขียนโชคดีในระดับหนึ่งที่สามารุจับจองซื้อตั๋ว VIP รอบลอนดอน ที่นอกจากจะได้เข้าคอนเสิร์ตเร็วกว่าคนอื่นแล้วยังจะได้ฟังเพลงจากอัลบั้มใหม่ที่ยังไม่นำมาจำหน่ายทั้งหมดรวม 3 เพลงด้วยกัน โดยเพลงที่วงเปิดให้ฟังเพื่อเรียกน้ำย่อยกับแฟน ๆ นั้นได้แก่เพลง “Eye of the Storm, “Wasted Night” และ “Giants” ในระหว่างที่ฟังนั้น ได้มีการขอให้แฟนคลับทุกคนเอาโทรศัพท์มือถือใส่ซองจดหมายปิดผนึกเพื่อกันการอัดเสียงด้วย เพลงใหม่โดยส่วนใหญ่นั้นยังคงเน้นไปยังเรื่องปลุกใจแฟน ๆ เช่นเดิม โดยเฉพาะเพลง “Wasted Night” ที่มีความหมายดีมากราวกับเพลง “We Are” ในอัลบั้ม Ambitions เลยทีเดียว ในเรื่องสไตล์การมิกซ์เสียงและแนวดนตรีนั้นทางวงได้เน้นในบทสัมภาษณ์ต่าง ๆ ก่อนหน้านี้หลายครั้งว่าคงจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน แต่ว่าถึงอย่างนั้นวงก็ยังคงบอกว่า “จิตวิญญาณของพวกเราก็ยังคงไม่มีวันเปลี่ยนแปลง” และเราก็เห็นได้จากเพลงใหม่ที่พวกเขาได้ให้แฟน ๆ ได้ฟังกันในคืนนั้น

หลังจากที่ได้ฟังเพลงใหม่กันเสร็จก็ถึงเวลาที่เราจะระเบิดความมันกับ Vukovi วงเปิดฉากคอนเสิร์ตด้วยเพลง “Violent Minds” และ “Claudia” ช่วยอุ่นเครื่องแฟน ๆ หลังจากที่ต้องยืนตากฝนข้างนอกฮอลมาเป็นเวลาหลายชั่วโมง ตามมาด้วยเพลงฮิตของวงอย่าง “Animal” รวมไปถึงเพลงจากอัลบั้มแรกที่เปิดตัวเมื่อปีที่แล้วอย่าง “I’m Wired”, “Colour Me In” และ “Aura” จุดที่ทำให้แฟน ๆ รักวงเปิดนี้เป็นพิเศษคงไม่พ้นความขี้เล่นของนักร้องนำ Janine Shilstone ที่มักจะลงเวทีไปหยิบกล้องมือถือของแฟน ๆ มาถ่ายเซลฟี่ตัวเองหรือไม่ก็ถ่ายวีดีโอจากเวทีให้แฟน ๆ ได้กลับไปเป็นของขวัญที่ระลึกกัน ด้วยคาริสม่าที่โดดเด่นและดนตรีที่ฟังง่ายแม้จะไม่เคยได้ยินมาก่อน แถมยังมีการเอาสายไมค์มากระโดดเชื่อกระหว่างร้องเพลงไปด้วยอีกต่างหาก วงปิดท้ายด้วย “Target Practice”, “Boy Georg” และ “La Di Da” จานีนพูดด้วยรอยยิ้มใหญ่เลยว่าเธอไม่คิดว่าคนดูจะรู้สึกตื่นเต้นกับเพลงของวงขนาดนี้ และดีใจที่มีโอกาสมาแสดงร่วมกับวง ONE OK ROCK

หลักจากที่วง Vukovi ลงจากเวทีและมีการเปลี่ยนอุปกรณ์ได้ราว ๆ 30 นาที ONE OK ROCK ก็ปรากฏตัวเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟน ๆ ทันทีที่ไฟดับลง เพลงแรกก็คือซิงเกิลฮิดจากอัลบั้ม Ambitions ซึ่งก็คือ “Taking Off” ทำให้แฟน ๆ แต่ล่ะคนต่างกระโดดกันอย่างสนุกสนาน ตามมาด้วย “Bedroom Warfare” ที่มีการสาดโซโล่ระหว่างเรียวตะ (มือเบส) และ โทรุ (มือกีตาร์) กันอย่างเมามันในช่วงกลางเพลง ก่อนปิดท้ายด้วยโซโล่กลองสั้น ๆ จากโทโมยะ (มือกลอง) เพลงต่อมาคือ “Clock Strike” เพลงเก่าจากอัลบั้ม Jinsei x Boku = ซึ่งอาจจะนับเป็นไฮไลท์ของงานเลยก็ว่าได้เมื่อทากะ (นักร้องนำ) มีการลากเสียงโน้ตสูงในช่วงกลางเพลงยาวถึง 17 วินาทีโดยที่ไม่มีเสียงตกเลย สร้างความประทับใจให้แฟน ๆ กันทั่วฮอลเลยทีเดียว และก็มาถึงอีกเพลงฮิตจากอัลบั้ม Ambitions นั้นก็คือ “Take What You Want” ซึ่งคราวนี้เป็นฉบับดั่งเดิมโดยที่ไม่มีอินโทรช้า ๆ เหมือนกับช่วงทัวร์ Ambition ที่เราคุ้นเคยกัน ก่อนต่อด้วยเพลงเพื่อให้แฟน ๆ ได้พักก่อน วงยังทักทายกันอีกด้วยว่าเขานั้นไม่ได้กลับมาแทบยุโรปเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มเลยทีเดียวและพวกเขาก็ดีใจที่ได้กลับมาอีกครั้ง

เพลงต่อไปนั้นเรียกเสียงกรี๊ดจากแฟน ๆ ได้เยอะทีเดียวเพราะวงได้เล่นเพลง “Wherever You Are” บัลลาดที่โด่งดังที่สุดของวงเลยก็ว่าได้ และก็เกิดเหตุการณ์น่ารัก ๆ ในคอนเสิร์ตเมื่อคนดูไม่รออินโทรจนจบและเริ่มร้องก่อนทากะจะร้องนำ ทำให้ทากะหัวเราะออกมาก่อนปล่อยให้คนดูร้องต่อไปเรื่อย ๆ ระหว่างที่เขาทำมือกำกับแฟน ๆ ที่ต่างร้องกันอย่างพร้อมเพรียงกันก่อนหยิบไมค์มาร่วมร้องด้วยอีกครั้งในท่อนคอรัส และแล้วก็หมดเวลาหวานซึ้งเมื่อทากะหายเข้าไปหลังเวที ปล่อยให้โทรุ เรียวตะและโทโมยะโซโล่ดนตรีกันอย่างดุเดือดเพื่อโชว์ความสามารถด้านดนตรีที่ไม่ธรรมดาของพวกเขากัน หลังจากที่ได้ฟังโซโล่กีตาร์แสนโหดของโทรุ ทากะก็กลับขึ้นมาบนเวทีอีกครั้งกับเพลง “Change” ถึงแม้ว่าเพลงนี้จะออกแนวป๊อปร็อกในเวอร์ชั่นธรรมดาก็ตามแต่ว่าเมื่อนำมาแสดงสดแล้วถือว่ามีการปรับเปลี่ยนเสียงให้ฟังแล้วสนุกขึ้นมาทันที

เมื่อแฟน ๆ พอมีแรงกันมาบ้างหน่อยแล้ววงก็ถือโอกาสจัดเต็ม 4 เพลงที่เหลืออย่างเต็มที่เริ่มจาก “I Was King” ที่เรียกเสียงฮึกเฮิมของแฟน ๆ ให้ชูมือขึ้นร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน ต่อมาก็คือ “The Beginning” เพลงจากอัลบั้มเก่าที่นับได้ว่ายิ่งทำให้เหล่าแฟน ๆ กระโดดกันจนกำแพงเหล็กที่กั้นนั้นขยับ และยังคงไม่หยุดเมื่อเพลงต่อไปนั้นคือ “Mighty Long Fall” จากอัลยั้ม 35XXXV ที่เล่นเอาแฟนคลับในจุดนึงเล่นมอชกันอย่างสนุกสนาน แต่ว่าหว่างเพลงนั้นในระหว่างนั้นมีแฟนคลับคนนึ่งเริ่มแสดงอาการไม่สบายเหมือนจะเป็นลมจนต้องถูกนำตัวออกมาจากหมู่คน ทากะที่เห็นก็คนดูอาการไม่ดีพยายามปลอบแฟนคลับคนนั้นก่อนส่งให้สตาฟดูแลต่อไป สร้างความประทับใจให้เหล่าคนดูอีกครั้งกับความห่วงใยที่มีให้เหล่าแฟน ๆ อีกครั้ง

และก็มาเพลงสุดท้ายของเซ็ตหลักซึ่งไม่ใช่เพลงอื่นนอกจาก “We Are” เพลงที่เหล่าแฟน ๆ ยกให้ว่าเป็นเพลงที่เอาไว้ปลุกพลังของพวกเขาเวลารู้สึกสิ้นหวังและท้อแท้ ทากะมีการส่งไมค์ให้คนดูร้องท่อนคอรัสซึ่งเหล่าแฟน ๆ ก็ไม่ทำให้วงผิดหวัง

เมื่อวงกลับเข้าไปหลังเวทีก็ถึงช่วงเวลาที่แฟน ๆ จะต้องตะโกนเรียกให้วงออกมาอีกครั้ง ซึ่งคอนเสิร์ตครั้งนี้ได้มีการร้องท่อนหนึ่งของเพลง “Answer is Near” จากอัลบั้ม Zankyo Reference เพื่อเรียกให้ ONE OK ROCK กลับขึ้นเวทีซึ่งเป็นธรรมเนียมเดียวกันกับที่แฟน ๆ ชาวญี่ปุ่นจะใช้หากวงเล่นคอนเสิร์ตในญี่ปุ่นด้วย

เหล่าแฟน ๆ ร้องกันได้ไม่นาน ONE OK ROCK ก็กลับขึ้นมาบนเวีทีอีกครั้งและเริ่มสองเพลงสุดท้ายของคอนเสิร์ตวันนี้ด้วย “Stand Out Fit In” เพลงใหม่ล่าสุดของวงที่มุ่งหมายสร้างกำลังใจให้เหล่าแฟน ๆ จุดที่น่าสนใจของเพลงนี้เมื่อเล่นในคอนเสิร์ตก็คือท่อนคอรัสนั้นคือการประสานเสียงของทุกคนในวง ไม่ใช่เพียงแค่ทากะคนเดียวทำให้ฟังแล้วไพเราะกว่าเวอร์ชั่นธรรมดาอย่างแน่นอน และก็ปิดท้ายด้วยเพลงที่แทบจะเรียกได้ว่าคือเพลงชาติของวง ONE OK ROCK เพราะเพลงนี้คือเพลงที่จะต้องเล่ยทุกครั้งเมื่อมีทัวร์ญี่ปุ่นนั้นก็คือ “Kanzen Kankaku Dreamer” เพลงนี้ทำให้เหล่าแฟน ๆ เดือนกันเป็นพิเศษเพราะเป็นเพลงที่ไม่ค่อยจะเล่นในแทบยุโรปเมื่อเทียบกับแทบเอเชีย วงจากลาเหล่าแฟน ๆ โดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะกลับมาแน่นอนกับทัวร์อัลบั้มใหม่ของพวกเขาในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นโดม สเตเดี่ยม อารีน่า เวทีสนามหญ้าของเทศกาลดนตรีหรือว่าไลฟ์เฮาส์เล็ก ๆ วง ONE OK ROCK ก็ยังคงคุณภาพของคอนเสิร์ตพวกเขาให้อยู่ในมาตฐานที่ดีตลอด ไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวังกับความคากหวังอย่างแน่นอน สำหรับแฟน ๆ ชาวไทยก็คงทำได้แค่รอเอเชียทัวร์ที่คงจะมาพร้อมกับอัลบั้มใหม่ปีหน้า เพราะฉะนั้นโปรดติดตามกันต่อไปในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2019 เมื่ออัลบั้ม Eye of the Storm วางจำหน่ายทั่วโลก (ยกเว้นในญี่ปุ่นที่จะถูกปล่อยก่อนในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2019)

สาวก “บอดี้สแลม” เรือนแสน โดดมันส์ ราชมังฯ สะเทือน “โจอี้ บอย, ปาล์มมี่, ฟักกลิ้งฮีโร่” ร่วมแจมสุดจี๊ด

$
0
0

Official Press Release

รอคอยวันนี้มา 8 ปีเต็ม ในที่สุด 5 หนุ่ม ตูน, ปิ๊ด, ยอด, ชัช, โอม  วง Bodyslam (บอดี้สแลม) ค่าย genie records (จีนี่ เรคคอร์ดส) ก็ได้กลับมาระเบิดความมันที่สนามราชมังคลากีฬาสถานอีกครั้ง ในคอนเสิร์ต M150 Presents BODYSLAM FEST วิชาตัวเบา LIVE IN ราชมังคลากีฬาสถาน ด้วยจำนวนคนดูแสนกว่าคนเต็มความจุทั้ง 2 รอบและถือเป็นคอนเสิร์ตเปิดอัลบั้มชุดที่ 7 “วิชาตัวเบา” อย่างเป็นทางการด้วย โดยมี กบ บิ๊กแอส เป็นโชว์ไดเรกเตอร์ และ อ๊อฟ บิ๊กแอส เป็นมิวสิกไดเรกเตอร์ งานนี้ บอดี้สแลม ทุ่มสุดตัวเหมือนชื่อวง จัด 34 เพลงฮิตเรียงคิวมาสะกิดชาวร็อกให้โดดกันมันสนั่นสนามราชมังฯ พร้อมแขกรับเชิญ โจอี้ บอย, ปาล์มมี่, ฟักกลิ้งฮีโร่ และแสง สี กราฟฟิก เอฟเฟ็กต์ ที่ฉูดฉาดจัดเต็มฉีกกรอบความอึมครึมสีทึม ๆ ของคอนเสิร์ตร็อกที่เคยเห็นกันมาอย่างสิ้นเชิง

ประเดิมเวทีด้วยเพลง แสงสวรรค์ ตูนใส่แจ็กเก็ตตัวเดียวโชว์ซิกแพค ตามด้วย คราม ที่เล่น ๆ อยู่วงก็เบรกหลอกคนดูว่าเล่นผิดแต่จริง ๆ คือมุขที่อยากให้คนดูเก็บโทรศัพท์มาตั้งใจดูคอนเสิร์ตดีกว่า ต่อด้วยเพลงเก่าเพลงใหม่สลับกันไปมา อย่าง เสี้ยววินาที, คนที่ถูกรัก, ใครคือเรา ที่มาพร้อมแดนเซอร์ 60 ชีวิต, เรือเล็กควรออกจากฝั่ง, ชีวิตเป็นของเรา, เวลาเท่านั้น และ ท่านผู้ชม ที่จุดพลุอย่างสวยงาม ตามด้วยเพลง เปราะบาง, เตรียมตัวตาย และเปิดตัวแขกรับเชิญคนแรก โจอี้ บอย กับเพลงที่ฟีเจอริ่งกันในอัลบั้มใหม่ชื่อ ไม่แก่ตาย เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟน ๆ ไปเพียบบวกกับที่ เฮียโจ้ มาในชุดสุดหรูของเวอร์ซาเช่โชว์ซิกแพ็คให้ดูก็เป็นได้ ก่อนจะเอาท่อนแร็ปไปใส่ในเพลง ความเชื่อ กลายเป็นเพลงเวอร์ชั่นใหม่ที่สร้างความฮึกเหิมขั้นรุนแรงให้กับคนดู เข้าโหมดซึ้งกับเพลง ความรักทำให้คนตาบอด, ยิ่งรู้ยิ่งไม่เข้าใจ, ความรัก ที่ ตูน แทบไม่ต้องร้องเพราะคนดูช่วยกันร้องจนกระหึ่ม แล้วเสียงกรี๊ดก็ดังอีกครั้งเมือสาวซ่อนกลิ่น ปาล์มมี่ ออกมาในชุดสีขาวสะอาดตาจับไมค์ร้องเพลง นิรันดร์ คู่กับ ตูน ก่อนจะเปลี่ยนฟิลไปชวนคนดูเซิ้งในเพลง คิดฮอด ที่ ปาล์มมี่ ลงทุนไปฝึกร้องหมอลำกับอาจารย์ วสุ ห้าวหาญ เพื่อมาขึ้นเวทีนี้โดยเฉพาะ พร้อมด้วยแดนเซอร์ชุดสีสุดเจ็บช็อคกิ้งพิ้งค์ออกมาร่วมแจมเซิ้งมันจนเหงื่อกระจาย อีกสิ่งที่บอดี้สแลม ไม่เคยขาด คือ วงออเครสตร้า ที่มาสร้างความขลังอลังการในเพลง ครึ่ง ๆ กลาง ๆ , ขอบฟ้า, ความฝันกับจักรวาล และในเพลง ชีวิตยังคงสวยงาม ตูน ก็ชวนคนดูเปิดไฟเล่นเวฟทะเลดาวทำเอาสนามราชมังฯระยิบระยับงามจับใจเป็นภาพที่ต้องจดจำอีกหนึ่งซีน หลังจากกนั้นก็ยกวงลงมาที่มินิสเตจโชว์เพลงฮิตที่หลายคนคิดถึง ทางกลับบ้าน, ปลายทาง, ไม่รู้เมื่อไหร่, สักวันฉันจะดีพอ, เสียดาย, วิชาตัวเบา ถึงคิวของแขกรับเชิญคนสุดท้าย ฟักกลิ้ง ฮีโร่ ที่มาในเพลง ผักบุ้งลอยฟ้า และ ดัม-มะ-ชา–ติ แบบดุดัน ก่อนจะปิดโชว์ด้วย 4 เพลงสุดท้าย 149.6, ยาพิษ, อกหัก, แสงสุดท้าย  ส่งทุกคนกลับบ้านด้วยพลุหลากสีสันยิงกันกระหน่ำมีเท่าไหร่ใส่ไม่ยั้งกัน งานนี้เต็มอิ่มกับทุกนาทีบนเวทีเลยจริง ๆ”

Grammy Awards ไม่รำลึกถึง Vinnie Paul แห่ง Pantera ในช่วงไว้อาลัยศิลปินที่จากไปในรอบปี

$
0
0

กับวงการเพลงเมทัล Grammy Awards — ในช่วงเวลาของการรำลึกศิลปินผู้จากไปในรอบปีที่ผ่านมา ณ งานประกาศรางวัล Grammy Awards ครั้งที่ 61 เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ไม่ปรากฎว่ามีการอ้างอิงถึง Vinnie Paul Abbott มือกลองวงเมทัลอันลือลั่นอย่าง Pantera และ Hellyeah ปรากฎให้เห็น

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เวที Grammy ละเลยศิลปินเมทัลที่สร้างคุณูปการให้กับวงการเพลงไว้มากมาย เพราะก่อนหน้านี้ Jeff Hanneman มือกีตาร์วง Slayer, Peter Steele ฟรอนต์แมนวง Type O Negative และ Paul Gray มือเบสวง Slipknot ก็ไม่ได้รับการรำลึกในเวที ‘อันทรงเกียรติ’ แห่งนี้ด้วยเช่นกัน

แต่อย่างน้อยที่หน้าเว็บไซต์ grammy.com ก็มีชื่อของ Vinnie Paul ปรากฎอยู่ ก็คงต้องยอมรับว่าเป็น ‘รสนิยมของทีมงาน’ ที่ไม่ต้องการให้ผลงานของดนตรีสายเราไปปรากฎอยู่ ก็เป็นอีกครั้งที่เหล่าคอเพลงหูเหล็กต้องพิจารณาให้ดี ว่างานประกาศรางวัลแห่งนี้จำเป็นสำหรับดนตรีของเราหรือไม่

ถ้าไม่ ก็ปล่อยให้สายแมสเค้าฮือฮากันไปเถอะครับ

Vinnie Paul เสียชีวิตลงในวันที่ 22 มิถุนายนปี 2018 ด้วยโรคหัวใจ เขาจากโลกนี้ไปในฐานะมือกลองวง Hellyeah แต่ในยุคแรกเริ่มเขาสร้างชื่อเสียงจากการทำผลงานกับวง Pantera ยอดวงพาวเวอร์แทรชเมทัลในตำนานเจ้าของซิงเกิลฮิตตลอดกาล “Cowboys from Hell”


สกู๊ปข่าวจาก Loudwire:


ความเห็นบางส่วนจากชาวเน็ต:

[ ที่มา – Loudwire ]


Taka แห่ง ONE OK ROCK เผย กำลังทำเพลงร่วมกับ Mike Shinoda และ Steve Aoki

$
0
0

นอกจากการทำดนตรีที่เปลี่ยนแนวทางไปใน ONE OK ROCK แล้ว Taka Moriuchi นักร้องนำของวงยังมีโปรเจ็กต์ดนตรีที่น่าลุ้นว่าจะทำออกมาในแนวไหน ร่วมกับ Mike Shinoda แห่ง Linkin Park และ Steve Aoki ดีเจชื่อดังกองอยู่อีกหนึ่งโปรเจกต์

Taka ตอบเรื่องนี้ไว้ในนิตยสาร Rock Sound ฉบับล่าสุดว่า Mike มีไอเดียสำหรับอัลบั้มใหม่ของวงให้กับเขามานานแล้ว แต่ไม่มีเวลาสำหรับการมาคุยกันจริงจัง จนกระทั่งถึงเทศกาลดนตรี Summer Sonic ที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว (2018) ทั้งสองฝ่ายถึงได้คุยกันจริงจังขึ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเจ้าตัวก็เฉลยออกมาว่านอกจาก Mike แล้วยังมี Steve Aoki ที่เข้ามาร่วมกันทำโปรเจกต์นี้ด้วย แต่ยังไม่มีกำหนดการปล่อยออกมาในตอนนี้ และบทเพลงดังกล่าวก็ยังไม่ได้เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการบันทึกเสียงด้วย

ความเห็นจากผู้เขียน: ด้วยทิศทางการทำดนตรีที่เปลี่ยนไปทางป๊อปมากขึ้น ทั้งของวง Linkin Park (ช่วงก่อน Chester Bennington เสียชีวิต) และของ ONE OK ROCK ในอัลบั้ม Eyes of the Storm ที่กำลังจะออกในวันสองวันนี้ รวมถึงมี Steve Aoki เข้ามามีเอี่ยวด้วย ก็ทำให้ลุ้นยากเหลือเกินว่าผลงานชิ้นนี้จะออกมาเป็นเพลงร็อก เพราะฉะนั้น… คาดหวังสิ่งอื่นไว้เป็นการดีที่สุดครับ

อ่านรีวิวคอนเสิร์ต ONE OK ROCK Live in London ได้ที่นี่

[ ที่มา – Rock Sound Magazine ]

[ ลือ ] Cliff Williams ยุติการรีไทร์ กลับมาเป็นมือเบส AC/DC อีกครั้ง

$
0
0

วงการที่เข้าแล้วออกยาก คือวงการเพลงร็อก — ยิ่งกับคนที่เล่นดนตรีร็อกมาทั้งชีวิตแล้วยิ่งยากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว มีภาพออกมาว่า Cliff Williams กลับมาเป็นสมาชิกวง AC/DC โคตรวงฮาร์ดร็อกสัญชาติออสเตรเลียนอีกครั้ง หลังจากที่ประกาศเกษียณตัวเองไปตอนจบทัวร์ Rock or Bust เมื่อหลายปีก่อน

ที่อินสตาแกรมของ Scott Frinskie เทรนเนอร์ส่วนตัวสัญชาติแคนาเดียน มีการโพสต์ภาพของตัวเขาเองร่วมกับ Brian Johnson นักร้องนำ และ Cliff ไว้ โดยระบุว่าถ่ายที่โรงแรมแชงกรีลาในเมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริทิชโคลอมเบีย ประเทศแคนาดา ซึ่งเรื่องนี้เชื่อมโยมเข้ากับ Warehouse Studios ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองนี้เช่นกัน

เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา (2018) มีภาพออกมาว่า Angus Young, Stevie Young, Brian Johnson และ Phil Rudd มาปรากฎตัวที่สตูดิโอแห่งดังกล่าว แม้จะไม่มีการแถลงออกมาจากทางวงอย่างเป็นทางการ แต่หลายฝ่ายก็คาดการณ์กันว่าพวกเขามาที่เมืองแห่งนี้กันอีกครั้งเพื่อทำอัลบั้มเต็มชุดใหม่ต่อจาก Rock or Bust

แต่ถึงกระนั้น จนถึง ณ เวลานี้ก็ยังไม่ปรากฎภาพของ Cliff Williams ที่ Warehouse Studios ออกมา ซึ่งนั่นอาจหมายความว่าภาพของเทรนเนอร์กับเขาอาจเป็นการแวะมาเยี่ยมเยียนเพื่อนในการทำงานเฉย ๆ หรืออาจจะกลับมาร่วมวงแล้วจริง ๆ ก็เป็นได้ เวลาเท่านั้นที่จะให้คำตอบได้ รอดูพร้อมกันในวันที่ AC/DC ปล่อยเพลงใหม่ดีที่สุดครับ

ป.ล. ก่อนหน้านี้มีข่าวลือออกมาว่าสุขภาพของ Brian Johnson ไม่ได้กลับมาฟิตพร้อมดีนัก เขาอาจจะกลับมาทำงานไหวแค่ในสตูดิโอแต่ไม่สามารถออกทัวร์คอนเสิร์ตได้ ซึ่งเรื่องนี้จะจริงหรือไม่ ก็ต้องให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์เช่นเดียวกัน

[ ที่มา – Blabbermouth.net ]

ร็อกสู่กันฟัง: Bodyslam Fest “วิชาตัวเบา”— ครบรส น่าจดจำทุกโมเมนต์

$
0
0

ถึงจะเคยมีคอนเสิร์ตใหญ่ที่ราชมังคลากีฬาสถานมาแล้ว แต่ Bodyslam Fest วิชาตัวเบา ไม่เหมือนกับงานครั้งก่อนแน่นอน การเว้นว่างจากการจัดคอนเสิร์ตใหญ่ที่นี่ไปถึงกว่า 8 ปี พวกเขาไม่ได้เพิ่มขึ้นแค่เลขอายุ แต่ความเก๋าและชั้นเชิงในการทำ-เล่นดนตรี รวมถึงทัศนคติในการมองโลกและการสื่อสารกับแฟนเพลงก็เปลี่ยนไปด้วย

ครั้งสุดท้ายที่ได้ดูคอนเสิร์ตของ Bodyslam เต็ม ๆ คือทัวร์ปรากฎการณ์ดัม-มะ-ชา-ติ รอบที่มาเล่นที่เอเชียทีค ซึ่งก็ถือว่าเป็น Bodyslam ที่โตขึ้นมาก เพราะก่อนหน้าทัวร์นั้นก็แทบไม่ได้ดูโชว์ของพี่ ๆ วงนี้แบบเต็ม ๆ มาก่อนเลย (ยกเว้นตอนช่วงสองอัลบั้มแรก ที่ผู้เขียนยังอยู่มัธยมต้นแล้ววงมาเล่นที่โรงเรียน) ก็ถือว่า วิชาตัวเบา รอบแรกที่กำลังจะได้ดูเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากพอสมควร


THE EARLY BIRDs

© Mddick

เนื่องจากได้รับการนัดแนะมาว่าให้ไปรับบัตรสื่อตอนประมาณสี่โมงเย็น และรู้อยู่แล้วว่าราชมังฯ ร้อนมาก จึงตัดสินใจไม่ไปเร็วกว่านั้น ที่แน่ ๆ คือพลาดโชว์ของวงที่เวทีเล็กด้านนอกอย่าง Dream Stage ทั้งหมด เสียดาย แต่ไม่มาก เพราะตั้งใจเก็บแรงไว้ดูเฮดไลน์ไปยาว ๆ อยู่แล้ว

ที่น่าตกใจมากก็คือเพิ่งรู้ ณ ตอนที่ไปถึงงานว่าแฟนคลับตัวจริงเค้ามากันตั้งแต่เช้า มีทั้งส่วนที่มาต่อแถวเพื่อเข้าไปจองที่ด้านหน้าในสเตเดียมตั้งแต่ตอนแดดยังเปรี้ยง และพวกที่รีบมาแต่หัววันเพื่อมาซื้อ merchandise รุ่นลิมิเต็ดเฉพาะงานนี้ แถวยาวจนพาลให้คิดถึงตอนไปเทศกาลดนตรีที่ญี่ปุ่น (Knotfest Japan, Warped Tour Japan) คนที่นั่นเค้ามาซื้อของสะสมกันจริงจังเบอร์นี้เลย แถมของเราจริงจังกว่ามาก เพราะแดดแรงกว่ามาก ๆ ยอมใจเลยจริง ๆ ครับ

ได้บัตรประมาณสี่โมงเย็น แต่กว่าวงจะขึ้นแสดงก็ค่ำ ที่พอทำได้ก็คือหามุมนั่งพักเพื่อหาอะไรรองท้อง แล้วก็พบว่า โซนอาหารที่เตรียมไว้จัดว่าเล็กมากเมื่อเทียบกับปริมาณคนที่มาร่วมงาน แถวยาวทุกบูธ ไม่มีจุดว่างให้เดินสะดวก ว่ากันด้วยเรื่อง facility แล้ว ห้องน้ำสามารถรองรับความต้องการของคนที่ใช้บริการ ได้ดีกว่าโซนอาหารมากทีเดียว


SHOWTIME!

© Mddick

เนื่องจากได้แต้มบุญเป็นโซนสื่อที่ทางพีอาร์กันไว้ให้อยู่แล้ว ก็เลยเดินเตร็ดเตร่ดูบรรยากาศงานรอบ ๆ อยู่นานทีเดียว กว่าจะโผล่หน้าเข้าไปประจำที่ในงานเวลาก็ปาไปทุ่มหนึ่งพอดิบพอดี เตรียมกล้องเตรียมอะไรให้พร้อม หามุมที่พอมองเห็น ไม่นานนักราวทุ่มครึ่งก็มีเสียงอินโทรหวูดแปลก ๆ กลิ่นอายอิเล็กทรอนิกนิด ๆ ปูทางให้สมาชิกแต่ละคนเดินขึ้นมาบนเวที และพอ ‘พี่ตูน‘ ขวัญใจมหาชนโผล่ขึ้นมาในมาดร็อกเกอร์เสื้อยีนส์โชว์กล้าม ไม่มีเสื้อยืดด้านใน เสียงกรี๊ดก็ลั่นราชมังฯ แบบดังไปยันลาดพร้าวกันเลยทีเดียว (อันนี้เติมเอง)

เพลงแรกที่สาดใส่คนดูในวันนี้คือ “แสงสวรรค์” จากอัลบั้มล่าสุด ก่อนจะเติมพลังความข้นกันด้วยเพลง “คราม” ที่ขึ้นอินโทรได้นิดเดียวก็หยุด หลังจากนั้นพี่ตูนก็ใช้เวลาช่วงต้นของงานทำความเข้าใจกับเหล่ามนุษย์มือถือในงานจำนวนมากว่า ไม่ต้องอยากแชร์ให้เพื่อนดูขนาดนั้น “นึกย้อนไปตอนที่ตัวเองนั่งจองบัตรอยู่คนเดียว เพื่อนมันมานั่งจองกับเราด้วยมั้ย” และเมื่อถึง “เวลาสนุกเราควรเห็นแก่ตัวบ้าง” คนรอบข้างก็ดูจะเชื่อฟังพี่แกดีครับ เก็บมือถือแล้วชูมือขวาซ้ายโบกไปมากันแทนโดยพร้อมเพรียง

“จากตรงนี้ถ้ามองไปแล้วเห็นแต่มือถือ มันจะไม่ใช่คอนเสิร์ต”


BACK TO THE FUTURE

© Mddick

ถัดมาเป็นเพลง “เสี้ยววินาที” แอบตกใจที่เพลงหน้าบีเพลงนี้มาอยู่ตั้งแต่ต้นโชว์เพราะคนดูอินน้อย แต่มันมาก บทจะขยี้ความร็อกก็ต้องยอมรับว่ามนุษย์วัย 40s อย่างพี่ ๆ ทั้งห้าก็ทำได้ดีและแกร่งไม่แพ้เด็กรุ่นใหม่เลย ตอนท้ายมีโซโล่กลองโดยพี่ชัชให้เฮกันอีกช็อต นาน ๆ จะได้เห็นทีนึง

อีกเพลงที่กระตุ้นอารมณ์คนดูมาก ๆ คือ “คนที่ถูกรัก” ที่ถูกงัดขึ้นมาเล่นตั้งแต่ต้นโชว์ แฟนเพลง Bodyslam ส่วนมากถ้าไม่ตามจากสองอัลบั้มแรกก็น่าจะเริ่มกันที่ชุด Believe การหยิบเพลงนี้ขึ้นมาเล่นเหมือนเป็นการเปรยไว้แต่เนิ่น ๆ ว่า เดี๋ยวคืนนี้มีจัดให้อีก


IT’S WHO WE ARE, FROM THE STARS

© Mddick

ก่อนจะขึ้นเพลง “ใคร คือ เรา” ซิงเกิลเปิดตัวอัลบั้มวิชาตัวเบา มีนักแสดงเอ็กซ์ตราจำนวน 60 คนโผล่ขึ้นมาบนเวทีเพื่อช่วยส่งสารบางอย่างถึงคนดูให้มากกว่าแค่เสียงเพลง ออกจะนามธรรมไปนิด แต่ก็เป็นกิมมิกที่เจ๋งดี ได้ความ cinematic ไปเต็ม ๆ พาร์ทนี้

และนอกจากการการตั้งคำถามว่า ‘ใครกำหนดไว้ให้เราต้องเชื่อดวงดาว’ อีกเพลงที่ตามมาเสริมในเรื่องเดียวกันทันทีก็คือ “ชีวิตเป็นของเรา” ที่เล่นเอาเหงื่อไคลของชาวร็อกในงานไหลย้อยไปตาม ๆ กัน คิดถึงท่อนเบรกดาวน์ติดนอยส์ของเพลงนี้มาก เพราะเท่าที่จำความได้ยังไม่เคยได้ดูเพลงนี้สด ๆ เลยซักครั้ง เรื่องความฟินนี่หายห่วง (แต่เรื่องซาวด์ก็ต้องบอกว่า…) ตามมาด้วยเพลง “เวลาเท่านั้น” เพลงความหมายดีที่ไม่ค่อยดัง ถือว่าเป็นช่วงพักร่างของคนในงาน เพราะบรรยากาศดูนิ่งลง เพลงหน้าบีมันก็จะเงียบ ๆ หน่อยเป็นปกติสำหรับวงที่มีเพลงดังเยอะ


DO MORE, TALK LESS

© Mddick

หลังจากที่งานเงียบไปเป็นช่วงสั้น ๆ จอมอนิเตอร์ยักษ์บนเวทีก็ฉายภาพผืนกระดาษสีขาวที่กำลังถูกขีดเขียน “DO MORE, TALK LESS” / “ทำให้มาก พูดให้น้อย” แล้วตามด้วยการบรรเลงเพลง “ท่านผู้ชม” แบบบัลลาดร็อกเบา ๆ ในครึ่งแรก ให้คนดูได้ร้องตามและสัมผัสกับบรรยากาศใหม่ ๆ ของเพลงเก่ากันบ้าง เพลงนี้ได้ยินพี่ตูนร้องเสียงฟอลเซ็ตโต้ ประทับใจมาก แสดงว่าฟิตร่างกายมาดี ฟินครับ ๆๆๆ แถมพอครึ่งหลังกลับมาเล่นจังหวะออริจินัลก็โคตรสนุก จบเพลงมียิงพลุด้วย

ตลอด 9 เพลงที่ผ่านมา ไม่ค่อยมีช่วงที่วงพักเบรกมาคุยกับคนดูมากนัก จนมาถึงตอนนี้ก็ถึงช่วงของการทักทายกันอย่างจริงจัง กล่าวคำขอบคุณ และเข้าสู่บรรยากาศของอารมณ์หม่น ๆ อีกครั้งในเพลง “เปราะบาง”

ช่วงที่ชอบที่สุดเป็นการส่วนตัวคือพาร์ทของเพลง “เตรียมตัวตาย” เพราะด้วยเนื้อเพลงเกี่ยวกับการ ‘ใช้ชีวิตและตายให้มีความหมาย’ เพื่อให้ใครซักคนได้จดจำ บวกกับภาพบนหน้าจอด้านหลังที่เป็นดวงตาของเหล่าบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ มันช่วยเสริมความหมายของเพลงได้ดีมาก ๆ แม้จะไม่ได้เป็นเพลงที่มีเอฟเฟกต์ไฟ พลุ หวือหวา ทว่าเป็นช่วงเวลาที่กินใจเรามากที่สุดในคืนนั้น


GUEST(s) WHO?

© Mddick

ว่าด้วยวิชาชีวิตกันต่อ จาก “เตรียมตัวตาย” ก็มาเป็นเพลง “ไม่แก่ตาย” เพลงร็อกมัน ๆ ว่าด้วยเรื่องความฝันจากอัลบั้มล่าสุด เพลงนี้ในอัลบั้มได้ Joey Boy มาแจมด้วย แน่นอนว่าในงานจะไม่มาก็กระไรอยู่ พี่โจ้มาพร้อมกับชุดคลุม Versace ที่มองจากระยะไกลเวที 80 เมตรก็ยังดูรู้ว่ารวย และก็มาพร้อมกับการอวดกล้ามไม่ต่างจากพี่ตูนพ่องานในวันนี้

ส่วนที่น่าเสียดายก็คือการแร็ปอันดุดันของพี่ Joey แกถูกกลบด้วยคุณภาพของเครื่องเสียงที่มันไม่ได้ดีนัก จากที่สนุก ๆ ก็เลยแอบหัวเสียในบางช่วงบางตอน เดี๋ยวกีตาร์หายมั่ง เบสหายมั่ง ทุกอย่างไม่ฟังดูบวมก็ฟังดูขาด ถ้าไม่ใช่เพราะคุณภาพโปรดักชันส่วนอื่นเข้ามาเสริมความสนุกก็น่าจะกร่อยลงกว่านี้มากโขอยู่

และแขกรับเชิญมาทั้งที จะร้องเพลงเดียวจบก็กระไร มีต่อด้วย “ความเชื่อ” เวอร์ชัน extended rap กันอีกหนึ่งเพลง (ใครเคยดู Live in คราม คงจำได้ว่าตอนนั้นก็มีพี่กอล์ฟ Fucking Hero กับอุ๋ย Buddha Bless มาเสริมเพลง “สติกเกอร์” ให้สนุกขึ้น แบบเดียวกัน) ตรงนี้อารมณ์คนดูถือว่าถึงของประมาณนึงเลย

แล้วก็มาถึงช่วงเวลาของการย้อนวันวานกันแบบเข้ม ๆ เริ่มด้วย “ความรักทำให้คนตาบอด”, “ยิ่งรู้ยิ่งไม่เข้าใจ” แล้วตามด้วย “ความรัก” ที่คุณอาทิวราห์โผล่หน้าลงมาร้องแบบใกล้ชิดคนดู แจกความฟินกันแบบทั่วถึง

หลังจากนั้นก็มีแขกรับเชิญปรากฎตัวขึ้นมาอีกหนึ่งคน ซึ่งก็คือ ปาล์มมี่ เจ้าของการฟีทเจอริ่งเพลง “นิรันดร์” ในอัลบั้มวิชาตัวเบา ไฮไลท์ของพาร์ทนี้ไม่ใช่เพลงแรกที่แจมกัน แต่เป็นการจับนักร้องสไตล์ฝรั่งร่วมสมัยอย่างพี่มี่มาออกลูกเอื้อนหมอลำในเพลง “คิดฮอด” ที่ตัวแม่อย่าง ศิริพร อำไพพงษ์ ร้องไว้ ถือว่าทำได้ดีมาก สนุกมากครับ ๆๆๆ และอาร์ตเวิร์กบนเวทีกับแดนเซอร์ที่โผล่ตามงานก็ทำให้บรรยากาศตอนนี้มันเป็นบ้านงานมาก ๆๆๆๆ ตอนดูนี่ก็เซิ้งยับ (นี่ถ้าราชมังฯ ขายน้ำเมาซะหน่อยยิ่งกว่านี้อีก!)


BODYSLAM x ORCHESTRA

© Mddick

แม้สมาชิก Bodyslam 5 คนจะสามารถสร้างดนตรีร็อกหนักแน่นออกมาได้เองแบบไม่ต้องพึ่งใคร แต่เป็นคอนเสิร์ตใหญ่ทั้งทีมันต้องมีอะไรที่ ‘มากกว่านั้น’ และทางวงก็เลือกที่จะนำเสนอความ ‘มากกว่า’ ด้วยวงออร์เครสตร้าชุดใหญ่ที่ออกมายืนเรียงรายเต็มชั้นบนสุดของเวที พาร์ทนี้เริ่มกันด้วยเพลง “ขอบฟ้า” ที่ฟังดูแล้ววงเครื่องสายไม่ได้ช่วยอะไรซักเท่าไหร่ น่าเสียดายของมาก ๆ แต่ในเพลงถัดมาอย่าง “ความฝันกับจักรวาล” นี่ก็ถือว่าถ้าขาดไปคงไม่สมบูรณ์ขนาดนี้ ซาวด์บางช่วงก็ดีบางช่วงก็แย่เหมือนเดิม ตรงนี้จำได้พิมพ์โน้ตในมือถือระหว่างดูไว้ว่ากระเดื่องดังลั่นจนหมวกสั่น

ในพาร์ทออร์เครสตร้า พี่ปิ๊ดมือเบสออกมาด้านหน้าเวทีพร้อมไฟฉายหนึ่งกระบอก ส่งสัญญาณให้คนดูเปิดแฟลชมือถือเป็นทะเลดาว เป็นอีกพาร์ทที่เอ็นเตอร์เทนคนดูได้ดีเพราะไม่ใช่แค่เปิดไฟ มีการนัดแนะกันเล่นเวฟ LED อันนี้เป็นกิจกรรมที่ไม่เคยเห็นคอนเสิร์ตไหนทำมาก่อน (555) และเพลง “ชีวิตยังคงสวยงาม” ที่มีทั้งวงเครื่องสายและทะเลไฟจากโทรศัพท์มือถือ ก็ทำให้โมเมนต์ตรงนี้เป็นที่น่าจดจำของใครหลายคนมาก ๆ


MINI-STAGE

© Mddick

จบจากพาร์ทเล่นใหญ่กับเครื่องสาย พี่ ๆ ทั้งห้าก็ออกมาเซ็ตเวทีคอนเสิร์ตกันตรงเวทีเล็กที่ยื่นออกมาหน้าสุด มีการพูดคุยขอบคุณสปอนเซอร์กันเล็กน้อยตามธรรมเนียม พี่ตูนนักร้องนำบอกกับคนดูในรอบแรกว่า ที่ตั้งใจประกาศคอนเสิร์ตสองรอบแต่แรก เพื่อจะให้คนดูได้เลือกด้วยตัวเองว่าสะดวกมาดูวันไหน ไม่ใช่รอให้รอบแรกเต็มแล้วค่อยเปิดเพิ่ม (เผื่อมีคนอยากมาวันอาทิตย์มากกว่า) พ่อพระของเหล่าสาวกจริง ๆ

ช่วงเล่นเล็กตรงนี้มีทั้งหมด 5 เพลง เริ่มกันด้วยการส่งพลังใจกับเพลง “ทางกลับบ้าน” ตามมาเป็น “ปลายทาง”, “ไม่รู้เมื่อไหร่” เพลงที่ไม่ค่อยได้เล่นซักเท่าไหร่ แล้วตามมาด้วยหนึ่งในเพลงที่สาวกติดปีกอยากดูกันเสมอมา “สักวันฉันจะดีพอ” งานจากยุคแรกของวง แล้วจบด้วยการคัฟเวอร์เพลง “เสียดาย” ที่ไม่ปล่อยให้บรรยากาศจืด มีปล่อยลูกโป่ง ยิง confetti กันสนุกสนาน ชวนคนดูโบกมือตาม

“โบกไม้โบกมือไล่ฝุ่น PM2.5 ให้ออกจากกรุงเทพหน่อยเร็ว”


THANK YOU, NEXT

© Mddick

งานเงียบไปพักหนึ่ง (น่าจะให้สมาชิกวงไปพักเบรก) ระหว่างนี้มีกราฟิกบนจอเล่นฆ่าเวลากับคนดูไปพลาง ๆ แล้ววงก็กลับออกมาอีกครั้งกับการบรรเลงเพลงที่เป็นที่มาที่ไปของงานในวันนี้ “วิชาตัวเบา” ซึ่งในช่วงเพลงนี้เป็นอีกโมเมนต์ ที่เราจะได้เห็นถึงความเป็นมิตรและความถ่อมตัวของฟรอนต์แมนขวัญใจมหาชนคนนี้มาก ๆ

พี่ตูนแกอยากเห็น ‘รอยยิ้ม’ ของคนอื่นบ้าง ก็เลยไปหยิบกล้องวิดีโอที่เตรียมไว้มาถ่ายคนรอบข้างแล้วยิงขึ้นจอยักษ์บนเวทีด้วย มีทั้งทีมงานเบื้องหลังบนเวที เพื่อนร่วมวง (ดอกที่แซวพี่ชัชคือตลกมาก) ไล่ถ่ายเจ้าหน้าที่และแฟนเพลงหน้าเวที ลงมาเล่นกับคนดู เดินขอบคุณคนนั้นคนนี้แบบที่เดาเอาว่าน่าจะกินเวลานานยิ่งกว่าการเล่นเพลงของ Bodyslam 1 เพลงด้วยซ้ำ แอบคิดในใจว่าถ้าพี่เค้าสามารถเดินขอบคุณทุกคนในงานได้เค้าก็คงทำไปแล้ว คนอะไรหัวใจโคตรใหญ่จริง ๆ ชอบการที่พี่ตูนแกให้คนดูได้มีซีนบนจอยักษ์ด้วยกันมาก ๆ สัมผัสได้ถึงความ ‘ไม่มีทุกคนไม่มี Bodyslam’ แบบที่แกชอบพูดจริง ๆ


IT’S TIME TO ROCK!

© Mddick

จบจากพาร์ทซึ้งกินใจกันไปช่วง 6-7 เพลงสุดท้ายมีให้แต่ความมันล้วน ๆ เริ่มกันด้วยเพลง “ผักบุ้งลอยฟ้า” เพลงเดือด ๆ ของอัลบั้มล่าสุดที่ได้พี่ Fucking Hero มาแจมด้วย ท่อนแร็ปโคตรมันนนนนนนนนส์ แต่พังเพราะซาวด์อีกแล้ว! ฟังไม่รู้เรื่องเลยว่าพี่แกร้องอะไร! ขอยกให้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ตปราบเซียนของทีมซาวด์ และมีแขกรับเชิญเดือด ๆ แบบนี้ทั้งที เพลงถัดมาจะเป็นเพลงมัน ๆ อย่างเดียวก็คงไม่ได้ แต่เนื้อหามันต้องคมคายด้วย และเพลงที่ F-H-E-R-O กับวง Bodyslam ได้แจมกันต่อก็คือเพลง “ดัม-มะ-ชา-ติ” ที่มีการใส่ท่อนแร็ปเพิ่มเข้าไปเช่นกัน โคตรดี ใครอยากรู้ว่าดียังไงเอาไว้รอดูในดีวีดีคอนเสิร์ตงาน!

ท้ายโชว์เป็นการงัดเพลงดีเพลงเด่นออกมาเค้นพลังคนดู บิลด์กันด้วยเพลงรักจังหวะกลาง ๆ “149.6” แล้วตบเกียร์ห้ากันต่อด้วย “ยาพิษ” ไม่ได้เห็นฟีลลิ่งเดือด ๆ แบบนี้จากวงไปนานเหลือเกิน ฝั่งคนดูก็คลั่งไม่แพ้กัน (เก็บแรงเอาไว้ตอนนี้นี่เอง) ตามมาด้วยเพลง “อกหัก” เพลงไม่เร็วแต่หนักแน่น ให้ตะโกนร้องตามกันแบบสุดเสียงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปิดด้วยการ ‘สาดแสง’ อีกครั้ง คอนเสิร์ตนี้เริ่มต้นด้วยแสงสวรรค์ และปิดด้วย “แสงสุดท้าย” ให้กำลังใจกันในการใช้ชีวิตต่อไป


CONCLUSION

© Mddick

โชว์วันแรกจบลงแบบที่ให้นิยามได้ด้วยคำคำเดียวคือคำว่า ‘สวยงาม’ เนื่องจากผู้เขียนเองติดอยู่ที่สนามกีฬานานประมาณหนึ่ง (กลับไม่ได้ รถไม่มี) สิ่งที่พอทำได้ก็คือการสังเกตสีหน้าของผู้คนที่เดินออกมาจากราชมังคลากีฬาสถาน

สิ่งที่เห็นคือรอยยิ้มเบิกบานของผู้คนที่อดทนมางานกันตั้งแต่ตอนแดดยังเปรี้ยง ปล่อยพลังไปกับวงดนตรีที่รัก และยอมอดทนฝ่ารถติดกลับบ้านกันในเวลาดึกดื่นในเมืองหลวงที่สภาพการจราจรเข้าขั้นเลวร้ายที่สุดในโลก ถ้าไม่ใช่เพราะความรักที่คนพวกนี้มีให้กับวงดนตรี ถ้าไม่ใช่เพราะพลังชีวิตที่วงดนตรีมอบให้คนเหล่านี้ … ไม่มีทางที่เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นได้

ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้มีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ที่มวลความสุขในอากาศหนาแน่นระดับนี้ หวังว่าจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ให้ได้ชมกันอีกโดยไม่ต้องรอถึง 7-8 ปีแบบครั้งนี้นะครับ!


ภาพถ่ายประกอบบทความทั้งหมดโดย Mddick ขอบคุณพี่หนึ่งที่มาร่วมงานกันครับ!

Paradise Fest ชวนชาวร็อกทายไลน์อัพวงดนตรีเฟส 2 ที่จะขึ้นแสดงในงาน

$
0
0

อย่างที่เคยรายงานไปก่อนหน้านี้ว่าปีนี้เทศกาลดนตรี Paradise Fest จะย้ายไปจัดกันที่เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา และมีการประกาศไลน์อัพเฟสแรกออกมาแล้ว ซึ่งก็มีทั้งร็อกเกอร์รุ่นใหญ่ The Sun โพสต์ฮาร์ดคอร์จากประเทศญี่ปุ่น Paledusk และวงเมทัล-ฮาร์ดคอร์ไทยชั้นเยี่ยมอีกมากมาย ได้แก่ Last Fight for Finish, กล้วยไทย, Annalynn, Dose, Sweet Mullet, Retrospect, Paradox, Flure, Dezember, Ebola, Silly Fools (+Dax)

ล่าสุดมีโพสต์ชวนทายชื่อวงดนตรีที่ยังไม่ประกาศบนเพจ Paradisefest ออกมาให้ชาวเน็ตได้ทายกัน 15 วง ซึ่งจากการแกะเองด้วยภาพมิวสิกวิดีโอที่ใบ้มา และอ่านจากคอมเมนต์ ก็ทำให้เราสามารถสรุปไลน์อัพเพิ่มเติมได้ว่าจะมีวง The Ginkz, Bomb at Track, Nobuna, Fathomless, Slipnumb, Born from Pain, Hopeless, The Darkest Romance, Eccentric Toilet, Mad Pack It, Falling in Between, Ugoslabier, The Greed, Sudden Face Down และ Overdose ร่วมด้วย ก็ถือว่าเป็นการประกาศรายชื่อวงที่สนุกสนานและเรียก engagements บนโซเชียลได้ดีทีเดียว

แต่ทางผู้จัดไม่ได้บอกว่าหมดแล้ว แสดงว่าคงมีเฟสสามเตรียมประกาศตามมาต่อไป หลังจากนี้อาจมีเซอร์ไพรส์อีกก็เป็นได้

ย้ำกันอีกครั้ง Paradise Fest 5 (ชื่ออย่างเป็นทางการของงานปีนี้) จะจัดขึ้นที่ 8 Speed เขาใหญ่ ในวันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม และในช่วงวันที่ 1-10 มีนาคมนี้ก็จะมีโปรโมชันซื้อบัตรคอนเสิร์ตราคา 800 บาทแบบ 1 แถม 1 ด้วย รายละเอียดเพิ่มเติมเข้าไปดูและสอบถามได้ที่เพจ Paradisefest (@ParadisefestTH)


[ ที่มา – Paradisefest’s Facebook post ]

แสบ ๆ จนแอบคิดถึงสมัยร็อก: “Dumb Blonde”ซิงเกิลล่าสุดจาก Avril Lavigne

$
0
0

แม้ทุกวันนี้ Avril Lavigne จะไม่เหลือความเป็น ‘พังก์ร็อก’ ให้เชยชมแล้ว แต่ก็ต้องบอกตามตรงว่าผู้เขียนยังมีเพลงของเธอทั้งในยุคแรกและยุคหลังไว้ฟังเปลี่ยนบรรยากาศหูบ้าง และก็เชื่อว่าหลายคนก็ยังติดตามผลงานของเธอคนนี้อยู่เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วคงไม่เลวร้ายจนเกินไปถ้าเรานำเพลงใหม่ (ที่ไม่ร็อกแล้ว) ของ Avril Lavigne มาเขียนรายงานให้ได้ทราบกัน

แม้จะฟังเป็นเพลงป๊อปง่าย ๆ ที่ไม่น่าจดจำเท่าไร แต่ “Dumb Blonde” ก็มากับความสนุกสนานและเนื้อหาที่แสบสันต์ดี ว่าคอยดูไว้ เธอไม่ได้เป็นสาวผมบลอนด์โง่ ๆ คนหนึ่งนะ “I ain’t no dumb blonde / I ain’t no stupid Barbie doll/I got my game on / You gon’ watch me, watch me, watch me prove you wrong.” ท่อนฮุกติดหูดีเหลือเกิน เพลงนี้ได้ Nicki Minaj ตัวแม่ของยุคนี้มาฟีทเจอริ่งด้วย ก็เป็นการยกระดับความ ‘เผ็ช’ ได้ดีเอาเรื่อง

เพลงนี้เป็นซิงเกิลที่สามถัดจาก “Head Above Water” ไตเติลแทร็กของอัลบั้มใหม่ และ “Tell Me It’s Over”Head Above Water เป็นผลงานอัลบั้มเต็มชุดแรกในรอบหกปีของ Avril Lavigne จะวางจำหน่ายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้

Comeback: BrandNew Sunset ประกาศแจ้งแฟนคลับให้ล้างหูรอเพลงใหม่

$
0
0

ช่วงต้นปี 2019 วงการเพลงร็อกเมืองไทยคึกคักทีเดียวครับ หลายวงปล่อยเพลงใหม่ แถมมีประกาศคอนเสิร์ตร็อกใหญ่ ๆ ออกมาด้วย ล่าสุดก็เป็นฝั่งวง BrandNew Sunset ที่ออกมาปล่อยหมัดแย็บว่า ‘เดี๋ยวจะมีเพลงใหม่’

ที่หน้าเพจเฟซบุ๊กของ BrandNew Sunset โพสต์ภาพกราฟิกขาวดำพร้อมเขาของสมาชิกทั้งห้าคนไว้ พร้อมระบุว่า “เตรียมล้างหูไว้ให้ดี โปรดติดตามเพลงใหม่… เร็ว ๆ นี้” พร้อมด้วยแฮชแท็ก #brandnewsunset2019 ไว้ให้เข้าไปติดตามข่าวสารของผลงานใหม่ชิ้นนี้

Of Space and Time อัลบั้มเต็มชุดที่หกของ BNS วางจำหน่ายในช่วงกลางปี 2016 งานชุดดังกล่าวเป็นอัลบั้มแรกที่ทางวงหันมาปล่อยผลงานในฐานะศิลปินอิสระ ส่วนผลงานที่จะออกในปีนี้จะมีค่ายหรือยังยึดมั่นในแนวอินดี้เหมือนเดิม ต้องมารอติดตามดูกันต่อไป


Sharon Osbourne อัพเดตอาการสามี: Ozzy Osbourne ออกจากห้องไอซียูแล้ว

$
0
0

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีข่าวออกมาว่า Ozzy Osbourne ถูกหามส่งโรงพยาบาลด่วน (เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากประกาศเลื่อนทัวร์ยุโรปเมื่อเดือนมกราคม) ซึ่งทำให้หลายฝ่ายกังวลกันว่าทัวร์คอนเสิร์ตที่ยังไม่ถูกเลื่อนอาจมีอันเป็นไป แต่ล่าสุดมีรายงานออกมาให้ได้ใจชื้นกันอีกเล็กน้อยครับ

Sharon Osbourne ภรรยาของเจ้าชายแห่งความมืดเพิ่งอัพเดตสุขภาพของสามีผ่านรายการ The Talk ของตนเองว่าตอนนี้ Ozzy ออกจากห้อง ICU เรียบร้อย และสามารถหายใจเองได้แล้ว

Ozzy ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตามคำแนะนำของแพทย์ที่วินิจฉัยสุขภาพของเขาในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากมีโอกาสเป็นโรคปอดบวม (ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายกับคนวัยนี้) แต่ในรายงานของ Blabbermouth.net ไม่ได้ระบุอาการที่แท้จริงซึ่งเป็นสาเหตุให้เขาต้องเข้าโรงพยาบาลในครั้งนี้ไว้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกในรอบไม่กี่เดือน ที่ป๋า Ozz ผู้นี้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว (2018) เขามีเหตุจำเป็นให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดด่วนเนื่องจากเกิดการติดเชื้อที่มือ (แน่นอนว่ามีหลายโชว์ในการทัวร์คอนเสิร์ตถูกยกเลิกไป)

มาลุ้นกันต่อ ว่าทัวร์ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่นในช่วงเดือนมีนาคมนี้จะเกิดขึ้นหรือไม่ และคนไทยที่ซื้อตั๋วไปเทศกาล Download Japan แล้ว จะได้มีส่วนร่วมกับ No More Tours 2 ก่อนที่จะลาวงการกันไปหรือไม่ เดี๋ยวรู้กันครับ!

[ ที่มา – Blabbermouth.net ]


Matt Heafy แห่ง Trivium ผนึกกำลังตัวฮา Jared Dines คัฟเวอร์เพลงของ Post Malone

$
0
0

นอกจากแร็ปเปอร์ Post Malone จะชื่นชอบเพลงเมทัล ชาวเมทัลหลายคนก็ชอบผลงานของ Post Malone ด้วย

ล่าสุดคู่หูสาย shredding อย่าง Matt Heafy ฟรอนต์แมนวง Trivium กับ Jared Dines ยูทิวเบอร์สายเมทัลชื่อดังก็จับมือกันคัฟเวอร์เพลง “Better Now” เพลงดังจาก Beerbongs & Bentleys อัลบั้มเต็มชุดที่สองของเขาที่ปล่อยออกมาเมื่อปีที่แล้ว (2018)

เพลงนี้ Matt รับหน้าที่ร้องนำ กีตาร์ลีด และเบสไปในตัว ส่วน Jared ดูแลเรื่องร้องกับโปรแกรมมิง พาร์ทมือกลองก็แสบไม่แพ้กันเพราะได้ Alex Bent เจ้าของฝีตีนดุดันเครื่องจักรสังหารแห่งวง Trivium มาช่วยทำเพลงด้วย (นักร้องอีกคนคือ Austin Dickey จาก For the Likes of You และ From Heroes to Legends ที่เรามักจะเห็นโผล่ในในคลิปของ Jared)

เพลงนี้จะรวมอยู่ใน SAKEBOMBS & SUPRAS ซึ่งเป็นอัลบั้มรวมผลงานคัฟเวอร์จากเพลงของ Post Malone

วงดนตรีวงแรกของ Chester Benninton แห่ง Linkin Park เชิญลูกชายของเขามาร่วมอัดเพลงด้วย

$
0
0

ก่อนหน้านี้มีประกาศออกมาจาก Grey Daze วงดนตรีแนวโพสต์กรันจ์ที่เป็นวงแรกของ Chester Bennington สมาชิกผู้ล่วงลับของ Linkin Park ว่าจะนำผลงานเก่าในวันวานมาบันทึกเสียงใหม่ โดยได้ครอบครัวและผองเพื่อนของ Chester มาร่วมกันสร้างผลงานชิ้นนี้ ล่าสุดมีรายงานออกมาว่า Jamie Bennington ลูกชายวัย 22 ของร็อกเกอร์ผู้จากไป ได้มีส่วนร่วมในการบันทึกเสียงร้องกับวงดนตรีเก่าของพ่อตนเองด้วยเช่นกัน

ทางด้านวง Grey Daze บรรยายไว้บนเฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า:

“Chester จะต้องภูมิใจในตัวของ Jamie Bennington ลูกชายของเขาเป็นอย่างมากแน่นอน เราเชิญเขาที่ NRG Recording Studios เพื่อร้องเพลงร่วมกับพ่อของเขาเมื่อคืนที่ผ่านมา และเสียงของเขาก็ยอดเยี่ยมมาก! ฟังแล้วเหมือนพ่อของเขามากทีเดียว และพวกเราทุกคนภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานชิ้นนี้”

นี่ไม่ใช่ผลงานชิ้นแรกของ Jamie เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยปล่อยเพลงของตัวเองออกมาให้ฟังกันบ้างแล้วบนเว็บไซต์ Soundcloud

นอกจาก Jamie แล้ว ทางวง Grey Daze ยังได้ Brian “Head” Welch และ James “Munky” Shaffer มือกีตาร์คู่หูแห่งวงนูเมทัลตัวพ่ออย่าง Korn มาร่วมในโปรเจกต์นี้ด้วย นอกจากนี้แล้วในอัลบั้มนี้ก็มีแขกรับเชิญอีกหลายท่าน ทั้ง Marcos Curiel จาก P.O.D., Chris Traynor จาก Bush, Ryan Shuck เพื่อนร่วมวง Dead By Sunrise กับ Chester เป็นต้น

ยังไม่มีกำหนดการวางจำหน่ายผลงานเหล่านี้ถูกประกาศออกมา

ชมการแสดงสดของ Chester และวง Grey Daze จากปี ค.ศ. 1996:

Epic day recording the new record with Brian Head Welch and Munky from korn James “Munky” Shaffer Korn Chester would be…

Posted by Grey Daze on Monday, February 11, 2019

[ ที่มา – NME ]

Plastic Surgery คัมแบ็ก ปล่อยมิวสิกวิดีโอซิงเกิลใหม่ “จากไปโดยไม่สงบ”

$
0
0

ปี พ.ศ. 2562 แวดวงเพลงร็อกนอกกระแสของประเทศไทยมีศิลปินคัมแบ็กกันมากทีเดียว และล่าสุดก็เป็น Plasic Surgery ที่ พี่พล นักร้องนำ (ที่หลายคนจดจำได้จากการเป็นพิธีการรายการ O:IC สมัยก่อน) ยังคงนำทัพเข้ามอบความร็อกเหมือนในวันวาน

เพลงใหม่ของ PS ในรอบเกือบสองปี (นับตามวันที่ปล่อยเพลงในยูทิวบ์) มีชื่อว่า “จากไปโดยไม่สงบ (RIP – Rest in Pain)” ไม่ได้มาแบบเมทัลคอร์เดือด ๆ เหมือนสมัยแรกเริ่มของวง แต่มากับซาวด์แบบโมเดิร์นเมทัลจังหวะปานกลาง ติดกลิ่นอายแบบเจนต์ มาพร้อมซาวด์กีตาร์ที่มีลูกเล่นไหลลื่นคอยนวดหูผู้ฟังไปตลอดเพลง

ถ้าเทียบด้วยระดับความจัดจ้านทางดนตรี เราคิดว่าเพลงก่อนหน้านี้อย่าง “สัญญาสุดท้าย” มีรสชาติที่หลากหลายกว่า แต่ก็ต้องนับว่าผลงานชิ้นนี้เป็นการคัมแบ็กที่หนักแน่นดีมาก และสื่อสารอารมณ์เพลงออกมาได้สอดคล้องกับเนื้อหาของเพลงแบบชัดเจน

ใครที่หลงลืมไปแล้วหรือเพิ่งรู้จักกับวงดนตรีศัลยกรรมพลาสติกวงนี้ แนะนำให้ไปกดไลก์เพจวงเพื่อติดตามข่าวสารและผลงานใหม่ ๆ กันไว้โดยด่วนครับ ที่เพจ Plastic Surgery (@plasticsurgeryband) ตอนนี้มีเสื้อลายใหม่ออกมาด้วย ไปอุดหนุนเพื่อเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้วงมีเงินทำเพลงใหม่กันต่อได้ตามสะดวก

ONE OK ROCK ประกาศเป็นวงเปิดให้ Ed Sheeran ตลอดเอเชียทัวร์! คนไทยได้ดูด้วย

$
0
0

พูดถึงคอนเสิร์ต Ed Sheeran ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งในเดือนเมษายน ก่อนหน้านี้อาจไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับคอเพลงร็อกมากนัก แต่สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว

เพราะเพิ่งมีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่า ยอดวงร็อกจากประเทศญี่ปุ่นที่เคยมาเยือนเมืองไทยหลายต่อหลายครั้งอย่าง ONE OK ROCK จะร่วมทัวร์เป็นวงสนับสนุนในการทัวร์เอเชียของยอดศิลปินป๊อปชาวไอร์แลนด์คนนี้ตลอดเลก ตั้งแต่ที่ประเทศไต้หวันในวันที่ 4 เมษายน ไปจนถึงจบทัวร์ในวันที่ 3 พฤษภาคม ณ กรุงจาร์กาตา ประเทศอินโดนีเซีย

สำหรับประเทศไทย จะได้รับชมทั้ง Ed Sheeran และ ONE OK ROCK กันในวันที่ 28 เมษายน 2561 ณ ราชมังคลากีฬาสถาน ดินแดนแห่งการเดินทางยาก รถติด และไม่มีขนส่งสาธารณะที่ถึงพร้อม

บัตรคอนเสิร์ต Ed Sheeran (+ONE OK ROCK) Live in Bangkok ยังมีวางจำหน่าย หากสนใจเข้าไปเสียเงินมาครอบครองกันได้ที่เว็บไซต์ไทยทิกเก็ตเมเจอร์

”CORE NIGHT” Presented by SINGHA

$
0
0

Official Press Release

ชอบเมทัลคอร์ ชอบเดธคอร์​ ก็มาดิค้าบ!  Old​ School​ Party​ และ​ Headbangkok​ ขอร่วมฉลองครบรอบ 32 ปีของ​ The Rock Pub ด้วยปาร์ตี้สุดเดือดเชือดเลือดกระจาย​ ที่งาน…

“CORE NIGHT”
Presented by SINGHA

พบกับยอดวงเมทัลคอร์/เดธคอร์ และไม่คอร์ 8 วง ที่ล็อกคิวมากระหน่ำความมันกันแบบเน้น ๆ

[ LINE-UP ]

  • Hopeless คัฟเวอร์ As I Lay Dying
  • Stray Wolves คัฟเวอร์ Parkway Drive
  • Tragedy of Murder คัฟเวอร์ Suicide Silence
  • Fathomless คัฟเวอร์ Whitechapel
  • Falling in Between คัฟเวอร์ Asking Alexandria
  • Teresa คัฟเวอร์ Sylar
  • Outro คัฟเวอร์ Killswitch Engage/Trivium
  • และ Advantage Sevenking คัฟเวอร์ Avenged Sevenfold

พบกันคืนวันเสาร์ที่ 2 มีนาคมนี้
The Rock Pub (ใกล้สถานี BTS ราชเทวี)
19:00 – 01:00
บัตร 250.- (early-bird) / 350.- (วันงาน)
แถมให้หนึ่งดื่ม ไปหยิบในร้านได้เลย!

Viewing all 6406 articles
Browse latest View live