“วันนี้ตอนขากลับ พวกเราได้เจอ Brian
Johnson วง AC/DC ที่สนามบินด้วยครับ พวกเราถามเขาเกี่ยวกับข่าวลือว่าเขาทำอัลบั้มใหม่กับ
AC/DC อยู่หรือเปล่า แล้วเขาก็บอกว่า ‘ใช่
‘ และเขาก็ ‘เบื่อกับการต้องปฏิเสธเรื่องนี้’
แล้วด้วย เป็นการปิดทัวร์ที่เซอร์ไพรส์มาก ๆ ครับ”
Brian ยุติการทัวร์กับวงแบบไม่มีกำหนดตามคำแนะนำของแพทย์
เนื่องจากเขาเสี่ยงต่อการหูหนวกถาวรหากยังพาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง
และคนที่เข้ามาทำหน้าที่พาเพื่อนร่วมวงออกแจกจ่ายความร็อกให้สาวกทั่วโลกกันก็คือ Axl
Rose นักร้องนำวง Guns N’ Roses ซึ่งหลังจากจบทัวร์ครั้งล่าสุด
Cliff Williams ก็ขอเกษียณตัวเองออกจากการเป็นมือเบสให้กับวง
สำหรับสมาชิกคนอื่นที่คาดว่าน่าจะอยู่ในวงด้วยในตอนนี้ได้แก่
Angus
Young มือกีตาร์ผู้ก่อตั้งวง Stevie Young
หลานชายของ Malcolm Young ผู้ล่วงลับ
และ Phil Rudd มือกลองตัวจริงที่ถูกกักบริเวณให้อยู่แต่ในประเทศนิวซีแลนด์เนื่องจากมีคดีขู่ฆ่าติดตัวอยู่
เมื่อพูดถึงวงป๊อปพังก์ขวัญใจมหาชนอย่าง New Found
Glory
สิ่งที่หลาย ๆ คนนึกถึงน่าจะหนีไม่พ้นอัลบั้มรวมเพลงประกอบภาพยนตร์ From
the Screen to Your Stereo ทั้งสองชุด ข่าวดีก็คือ ในปี 2019
นี้จะมีอัลบั้มซีรีส์นี้ชุดที่สามออกมา! และมีการเปิดเผยรายชื่อเพลงทั้งหมดออกมาแล้ว
ได้แก่
“Cups” จาก Pitch Perfect
“This is Me” จาก The Greatest Showman
“The Power of Love” จาก Back to the Future
“Let It Go” จาก Frozen
“Accidentally in Love” จาก Shrek
“A Thousand Years” จาก Twilight
“Eye of the Tiger” จาก Rocky 3
และทางวงก็ประกาศทัวร์เพื่อนำเพลงจากอัลบั้มคัฟเวอร์มาเล่นกันเน้น ๆ ด้วย โดยมีวง Real Friends, The Early November และ Doll Skin ร่วมเดินทางไปด้วยกัน (น่าอิจฉาแฟนคลับที่เมืองนอกเมืองนาเค้าจริง ๆ)
สำหรับแฟนหนัง ชื่อ American Pie คงทำให้หลายคนนึกถึงหนังตลกวัยรุ่นยุค 90 แต่สำหรับแฟนเพลงแล้ว “American Pie” คือเพลงดังปี 1971 ของ Don McLean เล่าถึงโศกนาฏกรรมเมื่อครั้งที่ Buddy Holly, Ritchie Valens และ J. P. “The Big Bopper” Richardson 3 ศิลปินร็อกแอนด์โรลดาวรุ่งของสหรัฐฯ ต้องเสียชีวิตพร้อมกัน จากอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ปี 1959 การที่ Don McLean นิยามเหตุการณ์นั้นเปรียบดั่ง The day the music died ทำให้ “วันที่ดนตรีถึงแก่กรรม” กลายเป็นคำที่ผู้คนใช้รำลึกถึงการสูญเสียดังกล่าวมานับแต่นั้น
(หมายเหตุ – เหตุผลที่ Don McLean ตั้งชื่อเพลงว่า American Pie เพราะเชื่อกันว่าเครื่องบินรุ่น Beechcraft Bonanza ลำที่เกิดอุบัติเหตุ ถูกตั้งฉายาด้วยชื่อดังกล่าว แต่ไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่า เคยมีการตั้งชื่อให้กับเครื่องบินมรณะลำนั้นแต่อย่างใด)
1959: Twilight of Rock & Roll (สนธยาแห่งร็อกแอนด์โรล)
ปี 1959 นับเป็นปีที่วงการดนตรีร็อกแอนด์โรลเข้าสู่ช่วงขาลง เนื่องจากศิลปินตัวหลักมีอันต้องระงับงานเพลงพร้อม ๆ กัน จากปัจจัยที่หลากหลาย โดย Elvis Presley กำลังอยู่ในระหว่างการเกณฑ์ทหาร, Little Richard ต้นแบบศิลปินแกลม ร็อก หันหลังให้วงการเพลงเพื่อไปเป็นนักเทศน์, Jerry Lee Lewis นักเปียโนเจ้าของฉายา The Killer กำลังถูกแบนจากสถานีวิทยุ เพราะถูกสังคมประณามจากการแต่งงานกับญาติ ที่เป็นเพียงเด็กสาววัย 13 ปี ส่วนช่วงปลายปี Chuck Berry มือกีตาร์ผู้เป็นบิดาแห่งร็อกแอนด์โรล ยังมาโดนจับกุม ก่อนได้รับโทษจำคุก 3 ปี ในข้อหาลักพาตัวและพรากผู้เยาว์เด็กสาววัย 14 ปี
ทุกความเสี่ยงมีราคาที่ต้องจ่าย การเปลี่ยนแนวเพลงของวงดนตรีก็เช่นกัน — และในอัลบั้ม amo ผลงานชุดล่าสุดของ Bring Me the Horizon อดีตวงเดธคอร์จากเกาะอังกฤษก็แสดงให้เห็นว่า พวกเขา ‘จ่าย’ ในสิ่งที่ต้องจ่ายเพื่อแลกมาด้วยการประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้แล้ว
amo สตูดิโออัลบั้มลำดับที่หกของ Bring Me the Horizon ที่เพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ทะยานขึ้นสู่ชาร์ตเพลงอันดับหนึ่งของสหราชอาณาจักร (ไม่ใช่แค่ในประเทศอังกฤษ) ด้วยยอดขายถึง 27,000 ชุด โดยในจำนวนนี้ 61% เป็นยอดขายจากการซื้ออัลบั้มแบบ physical หรือการซื้อที่จับต้องได้ เช่นพวกซีดี แผ่นเสียงไวนิล
ทางวงฝากคำขอบคุณมาให้แฟนเพลงผ่าน Official Album Chart ว่า:
Bring Me the Horizon มีชื่อปรากฎใน Official Album Chart ของสหราชอาณาจักรมาตั้งแต่ตอนที่ปล่อยอัลบั้มแนวเดธคอร์อย่าง Count Your Blessings ออกมาในปี ค.ศ. 2006 ที่อันดับ 93 และหลังจากที่ปรับเปลี่ยนแนวดนตรีในตลอดหลายอัลบั้มที่ผ่านมา That’s the Spirit ผลงานชุดก่อนหน้าก็พาพวกเขามาถึงอันดับที่ 2 ก่อนที่จะตอกย้ำความสำเร็จด้วยการแตะยอดสูงสุดในวันนี้
ในขณะที่ Bring Me the Horizon หันไปหาดนตรีแนวอื่นที่ไม่ใช่เมทัลจ๋าอีกต่อไป แวดวงเพลงสายหนักของประเทศอังกฤษน่าจะต้องฝากไว้กับวงเมทัลคอร์ร่วมเมืองอย่าง While She Sleeps แทนอย่างช่วยไม่ได้ เพราะถึงแม้ทางวงจะกำลังมีอัลบั้มที่สี่ออกมา ทว่า แนวทางในการทำดนตรียังคงอยู่ใน ‘สายหนัก’ เช่นเดียวกับตอนแรกเริ่ม
“The Guilty Party” ซิงเกิลแรกในปี ค.ศ. 2019 ทางวงเปิดศักราชกันด้วยเพลงเดือด ๆ แบบที่สาวกหลงรัก นอกจากความหนักสับแหลกแบบเมทัลคอร์ติดลูกกลองสับลุย ๆ พังก์ ๆ แบบที่เราจะได้จากวงแน่นอน ในส่วนของเมโลดี้ก็ทำออกมาได้ติดหูและทันสมัย การแบ่งรับแบ่งสู้ของพาร์ทร้องระหว่าง Loz นักร้องนำ กับ Sean Long มือเบสที่ทำหน้าที่ร้องคอรัสวางกันไว้ได้ลงตัวมาก ๆ เรียกว่าโผล่มาทีไรต้องได้เนื้อเพลงติดหูกลับไปแน่นอน เรียกว่าเป็นอาหารร้านเดิมที่เพิ่มเติมความอร่อยเข้าไปก็ว่าได้
Falling in Between วงเมทัลคอร์สัญชาติไทย จากค่าย Banana Records เปิดตัว “Diamond” ซิงเกิลใหม่ล่าสุดที่ทำภายใต้ค่ายใหม่ออกมาให้ฟังและชมมิวสิกวิดีโอกันแล้ว
ONE OK ROCK วงร็อกสัญชาติญี่ปุ่นเปิดตัว “Wasted Night” ซิงเกิลใหม่ล่าสุดในรูปแบบมิวสิกวิดีโอออกมาให้ชมและฟังกันแล้ว เพลงนี้บรรจุอยู่ใน Eye of the Storm อัลบั้มเต็มชุดใหม่ที่กำลังจะวางจำหน่ายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2019 นี้
สไตล์ดนตรีของซิงเกิลนี้ยังเป็นซาวด์โมเดิร์นร็อกแบบที่เรามักจะได้ยินจากงานในชุดหลัง ๆ ของ OOR ที่มีการนำดนตรีอิเล็กทรอนิกเข้ามาช่วยเสริมสร้างบรรยากาศ เพลงนี้เป็นเพลงจังหวะช้า ๆ เพลิน ๆ เสียงร้องของ Taka ถ่ายทอดออกมาได้ทรงพลังและน่าฟังมาก ๆ เหมือนเคย เนื้อหาถูกนำเสนอออกมาผ่านสองภาษา ญี่ปุ่นและอังกฤษ ซึ่งก็เป็นทางถนัดของวงมานานแล้ว ก็ถือว่ารักษามาตรฐานได้ดี
สัมผัสได้ว่า ดนตรีของ ONE OK ROCK เติบโตไปพร้อมกับวัยของสมาชิกในวง และการทำเพลงในลักษณะนี้ก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่ชัดเจนมากว่า พวกเขาพร้อมจะก้าวขึ้นไปอีกระดับ ไม่ได้เป็นแค่วงร็อกสำหรับแฟนเพลงสายญี่ปุ่นเพียงกลุ่มเดียวเหมือนในวันวานอีกต่อไปแล้ว
Children of Bodom ยอดวงเมโลดิกเดธเมทัลจากประเทศฟินแลนด์กลับมาแล้ว! พร้อมซิงเกิลใหม่สุดจัดจ้าน “This Road” ผลงานจาก Hexed อัลบั้มเต็มชุดใหม่ล่าสุดของวงที่กำลังจะออกในวันที่ 8 มีนาคมนี้กับสังกัด Nuclear Blast Records
ใครที่ต้องการดนตรีเมโลดิกเดธเมทัลแบบจัดหนัก เพลงนี้ Children of Bodom ตอบสนองให้เต็ม ๆ : ดนตรีเมโลดิกเดธเมทัลชั้นเยี่ยม ควบไปด้วยริฟฟ์กีตาร์หนักแน่น เคล้าเมโลดี้ไปพร้อมกับกระเดื่องกลองฝีตีนโคตรดุ แถมด้วยท่อนฮาร์โมนิกที่ดีไซน์ออกมาได้อย่างเฉียบขาด ท่อนโซโลกีตาร์ของเพลงนี้มีการแบ่งสัดส่วนให้ฝั่งคีย์บอร์ดได้แสดงความสามารถด้วย และดนตรีรวม ๆ ก็มีการปรับสัดส่วนแบบเทคนิคัลนิด ๆ พอหอมปากหอมคอ เรียกว่าแซวเป็นวง Lamb of Bodom ได้เลย (ลองฟังช่วง 2:04 ดูครับ ฮ่า ๆ)
แม้จะผ่านพ้นจุดพีคในยุคเพลงอีโมครองเมืองไปแล้ว แต่ Story of the Year วงอีโมพังก์จากเมืองเซนต์หลุยส์ บางรัก (ถุย ไม่ใช่!) รัฐมิสซูรี สหรัฐอเมริกา ก็ยังคงเดินหน้าทำผลงานใหม่ออกมาให้แฟนเพลงได้ฟังกันจนถึงปัจจุบัน และ “Miracle” ก็คือผลงานชิ้นล่าสุดที่เรากำลังพูดถึงอยู่ในตอนนี้
เมื่อสัปดาห์ก่อน Corey Taylor ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าในอัลบั้มใหม่ของวง Slipknot ที่กำลังจะออกในปี ค.ศ. 2019 นี้ ทางวงได้รับโอกาสในการร่วมงานกับเจ้าพ่อเอฟเฟกต์สยองขวัญแห่งโลกภาพยนตร์ Tom Savini ผู้อยู่เบื้องหลังความโหดดิบเถื่อนที่ปรากฎในหนังอย่าง Dawn of the Dead, Day of the Dead, Friday the 13th และ The Texas Chainsaw Massacre
หน้ากากคอลเล็กชันที่ 5 ของ Slipknot เข้าสู่กระบวนการออกแบบและสร้างขึ้นจริงตั้งแต่ช่วงก่อนวันคริสต์มาสที่ผ่านมา ทว่ายังไม่ได้เปิดตัวออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ล่าสุดก็มีภาพจากเฟซบุ๊กของ Corey Taylor ที่นำบรรยากาศเบื้องหลังออกมาปล่อยให้เราชมกันเล็กน้อย
เริ่มกันที่เพลง “La Dee Da” ที่ได้ Dave Koz มือแซ็กโซโฟนสายสมูธแจ๊สชื่อดังมาแจมด้วย ซึ่งนั่นเป็นแค่น้ำจิ้มเดียวของค่ำคืนดังกล่าว
ในช่วงกลางโชว์ หลังจากที่ทางวงเอ็นเตอร์เทนคนดูด้วยเมดเลย์เพลงร็อกชุดใหญ่จบไปหนึ่งกระบวนท่า Taylor Hawkins มือกลองของวงก็พาตัวเองออกจากตำแหน่งกระดูกสันหลังของวง และเชิญให้โคตรตำนานแห่งวงการเพลงร็อกที่ยังมีลมหายใจ นั่นก็คือ Roger Taylor ขึ้นมาร่วมแสดงเพลง “Under Pressure” ผลงานของวง Queen ของเขาเองร่วมกับวง
นอกจากนี้แล้ว ในช่วงท้ายโชว์ พวกเขาก็ยังได้ Zac Brown และ Tom Morello แห่ง Rage Against the Machine ขึ้นมาเล่นคัฟเวอร์เพลง “War Pigs” ผลงานสุดอมตะของวง Black Sabbath ด้วยกัน
และหลังจากนั้นอีกหนึ่งเพลง Perry Farrell ฟรอนต์แมนวง Jane’s Addiction ก็ปรากฎตัวขึ้นมา และทุกคนก็เล่นเพลง “Mountain Song” ของวง JA ด้วยกัน
ไม่ใช่ Dave ทำแบบนี้ไม่ได้จริง ๆ ดูเซ็ตลิสต์ทั้งหมดของโชว์ได้ที่นี่
ในรายงานจาก The Blast ระบุไว้ว่าทางวง Korn กำลังเดินหน้าเอาเรื่องในการละเมิดสัญญา และพยายามหาทางระงับสิทธิ์ของ David Silveria ในการเก็บค่าลิขสิทธิ์ส่วนนี้ ซึ่งผลจะเป็นเช่นไรเราต้องมาติดตามกันต่อไป
เว็บไซต์ Blabbermouth.net ระบุว่าที่ David ตัดสินใจฟ้องร้องวง Korn ในปี 2015 เนื่องมาจากเขามองว่าทางวง Korn เลือกปฏิบัติในการต้อนรับ Brian “Head” Welch มือกีตาร์กลับเข้าร่วมวง แต่กลับไม่ทำแบบเดียวกันในกรณีของเขา
Jonathan Davis นักร้องนำก็เคยให้สัมภาษณ์กับ The Pulse of Radio เอาไว้ว่าเขารู้สึกว่าอดีตมือกลองคนนี้เสียแพชชันในการเล่นดนตรีไปแล้ว “ผมคิดว่าเขาสนุกกับการตีกลองมาก ๆ ในช่วงสองอัลบั้มแรกนะครับ แต่หลังจากนั้นเขาก็ดูเหมือนสูญเสียความรักในการตีกลองไปยังไงยังงั้นเลย มันเกิดขึ้นแล้ว”
Mike Kroeger มือเบสของวงเพิ่งให้สัมภาษณ์ไว้กับ Wall of Sound สื่อดนตรีจากประเทศออสเตรเลียว่าที่จริงแล้วทุกคนในวงชอบเพลงเมทัล และอยากทำอัลบั้มคัฟเวอร์เพลงของวง Slayer ยอดอภิมหาแทรชเมทัลแห่งสหรัฐอเมริกาด้วย
เมื่อถูกถามว่าทางวง Nickelback อยากทำเพลงที่หนักขึ้นกว่าปกติบ้างหรือไม่ Mike ตอบว่า:
“พวกเราทุกคนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคณะ Big Four ครับ ทั้งวง Metallica, Megadeth, Anthrax และ Slayer เลย ผมอยากจะทำอัลบั้มคัฟเวอร์เพลงของ Slayer นะถ้าทำได้ หัวใจของผมอยู่ตรงนั้นแล้ว แต่ว่าวัน ๆ หนึ่งเนี่ยมันไม่มีเวลาพอสำหรับการทำทุกสิ่งทุกอย่างนี่นา แต่ก็บอกไว้เลยว่าผมไม่คิดตัดเรื่องนี้ออกไปครับ”
“ผมฟังเพลงของพวกวง Meshuggah, Gojira, Lamb of God… พวกนี้ด้วย แล้วเราก็เป็นเพื่อนกับพวกเขาด้วยครับ Daniel [Adair มือกลอง] กับผมติ่งผลงานของพวกเขาขั้นหนักมาก และในฐานะนักดนตรี พวกเราก็ชอบฟังเพลงของพวกเขาด้วยเหมือนกัน ว่าแต่คุณได้ฟังวง Animals as Leaders หรือยังนะครับ?”
“ผมยังไม่เคยดูพวกเขาแสดงสด ได้แต่เปิด YouTube ดูว่ามีอะไรให้เสพบ้าง และ The Madness of Many อัลบั้มใหม่ของพวกเขาก็โคตรหนักเลย แทบไม่อยากจะเชื่อในความเจ๋งของมัน ผมชอบมากครับ”
Extremely Wicked, Shockingly Evil, and Vile เพิ่งเปิดตัวที่เทศกาล Sundance Film Festival ไปเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา กำกับโดย Joe Berlinger ซึ่งเคยเป็น executive producer ในการทำทีวีซีรีส์เกี่ยวกับ Ted Bundy มาแล้ว และเป็นผู้กำกับ Metallica: Some Kind of Monster สารคดีของวงเมื่อปี 2004 ด้วย ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเมทัลเฮดคนโปรดของพวกเราถึงมาโผล่ในหนังเรื่องนี้ได้
All That Remains วงเมทัลคอร์จากเมืองสปริงฟิลด์ รัฐแมสซาชูเซตต์ สหรัฐอเมริกา ประกาศให้ Jason Richardson เป็นมือกีตาร์คนใหม่ของวงอย่างเป็นทางการ
Jason เข้ามาเป็นสมาชิกชั่วคราวสำหรับออกทัวร์ในปี ค.ศ. 2018 ที่ผ่านมา แทนที่ของ Oli Herbert มือกีตาร์ยุคก่อตั้งวงที่เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน
ก่อนที่เขาจะมาเข้าเป็นสมาชิกกับ All That Remains เจ้าตัวเคยออกอัลบั้มเดี่ยวมาแล้วสามอัลบั้ม เคยเป็นสมาชิกวง All Shall Perish, Born of Orisis, Chelsea Grin และเคยฟีทเจอริงกับวงเมทัลรุ่นใหม่มาแล้วหลายวง เช่น Suffokate, Polyphia และ Veil of Maya
แม้จะมีข่าวดีออกมาว่า Brian Johnson กลับมารับหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับ AC/DC ยอดวงฮาร์ดร็อกจากประเทศออสเตรเลียอีกครั้งแล้ว แต่ก็มีข่าวลือร้าย ๆ ตามมาด้วยเช่นกัน
Alan Niven อดีตผู้จัดการวง Guns N’ Roses และ Great White ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการพอดแคสต์ Appetite for Distortion ว่า การกลับมาของ Brian ครั้งนี้อาจเป็นแค่การร่วมงานกับวงในสตูดิโอ เนื่องจากเขาได้ยินข่าวลือมาว่าด้วยปัญหาด้านสุขภาพ Brian อาจไม่พร้อมสำหรับการออกทัวร์คอนเสิร์ตกับวง AC/DC อีกต่อไป
เมื่อปีก่อน Brian Johnson มีเหตุให้ต้องยุติการทัวร์คอนเสิร์ตกับวง AC/DC ลงกระทันหันตามคำแนะนำของแพทย์ เนื่องจากเจ้าตัวอยู่ในสถานที่ที่มีเสียงดังมาเป็นเวลานาน จนเสี่ยงต่อการหูหนวกอย่างถาวรได้ ซึ่งคนที่เข้ามารับหน้าที่แบกวงในการทัวร์จนจบก็เป็น Axl Rose นักร้องนำตัวแสบของวง Guns N’ Roses นั่นเอง
ซึ่งในกรณีแบบนี้ก็มีแนวโน้มสูงมากว่า Axl อาจได้รับหน้าที่เป็นมือปืนรับจ้างให้กับวงอีกครั้ง? ต้องมาติดตามดูกันต่อไปครับ