Quantcast
Channel: Headbangkok
Viewing all 6406 articles
Browse latest View live

Dezember เตรียมออกเพลงใหม่ “เหี้ยไป จัญไรมา” – ชาวเน็ตขุดภาพสมัย กปปส. เตือนความจำ

$
0
0

นานทีปีหนจะได้เห็นกลุ่มคนฟังเพลงเมทัลออกมาแสดงความเห็นด้านการเมืองกันแบบเข้มข้นครับ เรื่องนี้เกิดขึ้นที่โพสต์เฟซบุ๊กของ Pattara Choomthong หรือที่เรารู้จักกันดีในนาม ต้น Dezember มือกีตาร์ของวงเดธเมทัลรุ่นเก๋าแห่งประเทศไทย

ในโพสต์ดังกล่าว พี่ต้น เล่าว่าเพลงนี้จะใช้ชื่อ “เหี้ยไป จัญไรมา” เป็นเพลงเกี่ยวกับปัญหาซ้ำซากของนักการเมืองไทย

“…เพราะไม่ว่าจะยุคใด ไม่มีนักการเมืองหน้าไหน ที่จะเข้ามาบริหารประเทศไทยความบริสุทธิ์ใจและตรงไปตรงมากันซักคน …ไม่โกงมาก ก็โกงน้อย ตกลงเราต้องจำใจเลือก “คนที่โกงน้อย?!” เป็นเรื่องจริงที่น่าเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส”


หมายเหตุ: โพสต์นี้มีเนื้อหาเน้นไปในเรื่องการเมืองมากกว่าดนตรี ซึ่งอาจทำให้ผู้อ่านขาประจำของ Headbangkok รู้สึกไม่คุ้นเคย ผู้เขียนพยายามอย่างถึงที่สุดแล้วในการตัดอคติของตัวเองออกไป หากผู้อ่านยังสัมผัสได้อยู่ ก็คงต้องขอเรียนให้ทราบตามตรงว่า ในโลกนี้ไม่มีสามารถนำเสนอความเป็นกลางทางการเมืองแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ และต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ


โดยปกติแล้วเมื่อศิลปินโพสต์แจ้งข่าวการออกผลงานใหม่ คอมเมนต์โดยรวมจะเป็นไปในทางเดียวกัน คือเข้ามาแสดงความดีใจ ไม่มีการด่า แซะ แขวะ ประจานให้เห็น (ประมาณว่าไม่ชอบก็ไม่ยุ่ง เสียเวลา) แต่กับกรณีเพลง “เหี้ยไป จัญไรมา” ของวง Dezember ผลลัพธ์กลับออกไปในทิศทางตรงกันข้าม เพราะมีกลุ่มคนฟังเพลงสายหนักออกมาแสดงความเห็นกันแบบดุเดือด เกี่ยวกับการที่วง Dezember เองเคยขึ้นแสดงบนเวทีของกลุ่ม กปปส. ในการชุมนุมกดดันให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ที่ในภายหลังลุกลามจนกลายเป็นการเปิดทางให้เกิดการรัฐประหาร จนทำให้ประเทศไทยไร้การเลือกตั้งมาเป็นเวลายาวนานมากกว่า 4 ปีแล้ว

ที่จริงการที่วงดนตรีซักวงจะมีจุดยืนทางการเมือง เป็นเรื่องไม่ผิด (เป็นสิทธิ์และเสรีภาพที่ประชาชนทุกคนพึงมี) แต่ในกรณีของวง Dezember ครั้งนี้ก็ถือว่าไม่แปลกที่จะมีกระแสในแง่ลบโต้กลับมา เพราะตัวเพลงเกี่ยวข้องกับความน่าเชื่อถือในจุดยืนทางการเมืองของวง

ด้วยจุดยืนทางการเมืองของผู้เขียน บอกตามตรงว่าส่วนหนึ่งในใจก็ยินดีมากที่มี ‘เพลงด่านักการเมือง’ ออกมาในช่วงเวลาการบริหารประเทศของ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพิ่มอีกหนึ่งเพลง

แต่ถ้าพิจารณาจากคำบรรยายในโพสต์ต้นเรื่องให้ดี ก็ทำให้เราแอบ เอ๊ะ ในใจอยู่เหมือนกันว่า เพลงนี้เป็นผลผลิตจากการ ‘คิดได้’ จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศในช่วงกว่า 4 ปีที่ผ่านมา หรือเพียงแค่เป็นเพราะว่า นายกรัฐมนตรีคนที่วงมีส่วนร่วมปูทางเข้ามา ไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่คิดไว้ในทีแรกอีกต่อไปแล้ว?

เรื่องแบบนี้ต้องให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ เพราะในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา คนรอบตัวหลายคนทีเคยสนับสนุน กปปส. ก็เริ่มมีแนวคิดทางการเมืองที่เปลี่ยนไป บางทีวง Dezember ในวันนี้ อาจเป็นคนละวงกับที่เรารู้จักเมื่อ 4 ปีที่แล้วก็เป็นได้


ยังไงก็ตาม ก็ต้องยอมรับว่า Dezember เป็นวงเมทัลฝีมือเยี่ยมระดับพระกาฬของเมืองไทย เรื่องนี้ปฏิเสธไม่ได้ และเราเองก็เติบโตมากับผลงานของวงด้วย แม้จุดยืนทางการเมืองจะไม่ตรงกัน แต่โดยส่วนตัวยังชื่นชอบผลงาน และเคารพในคุณูปการที่วงได้รันวงการเพลงเมทัลไทยจากวันที่ยังเป็นซีนเล็ก ๆ จนก้าวขึ้นมาใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าตัวแบบทุกวันนี้ หวังว่าฝ่ายวงและฝ่ายคนฟังจะพบเจอจุดร่วมที่ลงตัวสำหรับอยู่ร่วมกันในซีนเพลงแนวนี้ต่อไป

ในฐานะแฟนเพลงคนหนึ่ง ถ้าสามารถใช้พื้นที่ตรงนี้สื่อสารกลับไปหาพี่ ๆ วง Dezember ได้ ก็อยากบอกว่า เราไม่มีทางทำให้นักการเมืองหยุดพยายามโกงได้ แต่เราหยุดสิ่งเหล่านั้นได้ด้วยการสร้างระบบ-ระบอบที่โปร่งใสและตรวจสอบได้ อย่าเอาอำนาจของพวกเราไปใส่พานให้ใครเหมือนที่เคยได้ทำเมื่อในวันวานอีกก็พอครับ แฟนคลับพร้อมสนับสนุนผลงานอยู่แล้ว วงการเราก็มีกันแค่นี้

“เหี้ยไป จัญไรมา” จะเปิดตัวในวันอังคารที่ 29 มกราคมนี้ เวลา 19.19 น. รอติดตามกันได้ที่เพจเฟซบุ๊ก Dezember (@dezemberband)

…ประกาศจากทางคณะ Dezember… หลังจากเสร็จสิ้นการทัวร์คอนเสิร์ตอันหนักหน่วงและยาวนานกว่า 4 ปี โดยแต่ละปีมีไม่ต่ำกว่า 4…

Posted by Pattara Choomthong on Tuesday, January 22, 2019

Uppercut ปล่อย “ประเทศกูมี” ฉบับเมทัล ชูประเด็นที่เพลงต้นฉบับอาจไม่ได้พูดถึง

$
0
0

การเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ได้ผล คือการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างอย่างน้อยในทางใดทางหนึ่ง ซึ่งเมื่อปีที่แล้วเราก็คงเห็นกันแล้วว่า “ประเทศกูมี” งานเพลงแร็ปสะท้อนภาพการเมืองสุดดุดันจาก Rap Against Dictatorship สามารถปลุกกระแสในการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลปัจจุบันได้ดีแค่ไหน – และแรงกระเพื่อมนั้นก็ส่งต่อมาถึง Uppercut วงเมทัลสัญชาติไทย ที่หยิบคอนเซปต์ของเพลง “ประเทศกูมี” มาทำในแบบฉบับของตัวเอง

เนื้อหาของเพลงยังเป็นการหยิบยกเรื่องราวต่าง ๆ ในสังคมไทยขึ้นมาพูด ไม่ต่างจากตัวเพลงต้นฉบับ แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคืออารมณ์โดยรวมของเพลง ที่ถูกเสนอออกมาผ่านดนตรีนูเมทัลชวนโยกหัวมัน ๆ

เพลงนี้เปิดด้วยเรืองราวของ ชัยภูมิ ป่าแส ที่คดียังคงเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ ลากยาวไปจนถึงการพาดพิงถึงศิลปินกบฎที่เปลี่ยนข้างทางเมือง ไปจนถึงการพูดถึงนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันที่เราก็รู้กันดีว่าใคร โดยรวมแล้วก็เป็นเพลงที่เกรี้ยวกราดมากทีเดียว (จะมีที่รู้สึกขัดหูก็เสียงร้องนี่แหละครับ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการมิกซ์หรือเปล่า)    

นอกจากเพลง “ประเทศกูมี” เวอร์ชันเมทัลแล้ว ทางวง Uppercut ยังฝากเรามาชวนคุณผู้อ่านไปร่วมงาน MAD. – Metal Against Dictatorship ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ในวันเสาร์ที่ 26 มกราคมนี้ด้วย โดยในงานก็จะมีทั้งวง Past of the Pain (ของพี่เอก EK Baki นักมวยปล้ำที่เราเคยสัมภาษณ์) พร้อมทั้งวงเมทัลอีกหลายวง ทั้ง Amata, Illusion of Humanity, Undead, FaceMelting, Dr. Martin Luther King Kong, Jr. III (ชื่อกวนมาก ๆ), The Rot System และวง Uppercut ด้วย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจ MAD. -Metal Against Dictatorship-

แถลงข่าว Sugizo Live 2019 Cosmic Dance in Bangkok คอนเสิร์ตที่จะกลายเป็นตำนานแห่งศิลปะทางดนตรีที่ดีที่สุด

$
0
0

Official Press Release

เสร็จสิ้นลงอย่างยิ่งใหญ่สำหรับการแถลงข่าวการแสดงเต็มรูปแบบครั้งแรกของ Sugizo ศิลปินชื่อดังจากประญี่ปุ่น มือกีตาร์ของ 2 ตำนานวงร็อกอย่าง Luna Sea และ X Japan ที่พร้อมจะมาสร้างความมันส์บนสีสันและลวดลายศิลปะดนตรีผ่านกีตาร์และไวโอลินให้แฟน ๆ สาวกได้ชื่นชมกัน

โดยบรรยากาศของบ่ายวันนั้นพลุกพล่านไปด้วยบรรดาสาวกเจร็อกของทั้ง X Japan และ Luna Sea ที่ Sugizo เป็นมือกีตาร์ประจำการให้ และเหล่าบรรดาสื่อมวลชนคนบันเทิงที่ให้ความสนใจกับคอนเสิร์ตครั้งนี้จำนวนมาก  หลังพิธีกรสาวเกริ่นนำและวีทีอาร์แนะนำตัวอย่างเป็นทางการของ Sugizo และการแจกแจงของ อ.ปราชญ์ อรุณรังษี แห่ง OVD ในฐานะผู้จัด  ความงดงามของงศิลปะดนตรีผ่านเสียงกีตาร์ก็เริ่มขับกล่อมเรื่องราวให้กับสื่อมวลชนได้ซึมซับกัน จากฝีมือของเหล่าบรรดามือกีตาร์ชั้นนำของเมืองไทย นำโดย เอก แบล็คเฮด, ป๊อบ วรวิทย์, เค พองพอง และ แชมป์ Instinct ในบทเพลงต่อต้านนิวเคลียร์สุดเร้าใจอย่าง “No More Nukes” และ  ศิลา Zeal, ยุ่น 2549 ในบทเพลงบรรเลงที่เข้าถึงอารมณ์และจิตวิญญาณอย่าง “Synchronicity” ตามมาด้วยการพูดคุยถึงแรงบันดาลใจของศิลปินทั้ง 6 พร้อมเสริมด้วย 2 ศิลปิน  ฝุ่น The Dust และ โทนี่ ผี ที่มาช่วยยืนยันการันตีว่า แฟน ๆ สาวกเจร็อก ทั้งสายของ X Japan และ Luna Sea รวมถึงแฟนเพลงของ Sugizo โดยตรงไม่ควรพลาดคอนเสิร์ตครั้งสำคัญครั้งนี้เพราะอะไร 

พบกับ Sugizo Live 2019 Cosmic Dance in Bangkok ที่จะถูกบันทึกเป็นสุดยอดคอนเสิร์ตแห่งปีและจะกลายมาเป็นคอนเสิร์ตที่บรรดาแฟนเพลงจะต้องจดจำไปตลอดกาล และเป็นตำนานแห่งการโชว์ศิลปะทางดนตรีที่ดีที่สุด  วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2019 ที่ Ultra Arena Hall, Show DC ประตูเปิด 16.00น. เริ่มแสดง 17.00น. บัตรราคา 2,000 และ 2,500 จองบัตรที่ www.ovdcoin.com หรือโทรสอบถามรายละเอียด 02-203-0423-5 และ E-mail: ovd.ticket@gmail.com ช่วง Aftershow Talk Session จับมือ เซ็นชื่อสำหรับผู้ซื้อ VIP Package สั่งซื้อได้ทาง Line ID: @ovdcoin

Cryptopsy ยอดวงบรูทัลเดธรุ่นใหญ่จากแคนาดา ประกาศทัวร์เอเชียครั้งแรก

$
0
0

เพิ่งผ่านมายังไม่ทันครบหนึ่งเดือนเต็ม แต่ปี ค.ศ. 2019 ของเหล่าคนฟังเพลงสายหนักก็ถือว่าคึกคักไม่น้อยในอนาคตอันใกล้ ชาวไทยจะได้ดูคอนเสิร์ตของ Arch Enemy, Watain, TotalChaos และ Emmure กันและถ้านั่นยังไม่สามารถตอบสนองความโหดของคุณได้เพียงพอ เราก็ขอแจ้งข่าวดีให้ทราบกันว่าCryptopsy กำลังจะมาทัวร์เอเชียเป็นครั้งแรก

และแน่นอนว่าพวกเขาจะมาเยือนประเทศไทยด้วย!

ในโพสต์ต้นทางที่เพจของยอดวงบรูทัลเทคนิคัลเดธจากประเทศแคนาดาวงนี้ไม่ได้ระบุไว้ว่าจะเดินทางไปที่ประเทศไหนและเมื่อไหร่ แต่เนื่องด้วยโปรโมเตอร์ของการทัวร์ครั้งนี้คือ SlammanBooking Asia ก็ทำให้เรามั่นใจได้กว่า 99% ว่ายังไงการเดินทางในครั้งนี้ต้องมีประเทศไทยด้วยแน่นอน(เพราะปกติเวลาเจ้านี้ทำก็มีลงไทยด้วยตลอดอยู่แล้ว)

เอาเป็นว่าเก็บเงินรอไว้ และติดตามรายละเอียดจากทาง SBA ได้เร็ว ๆ นี้ ที่เพจ @Slammanbooking และขอแสดงความยินดีกับชาวบรูทัลที่การรอคอยอันยาวนานกำลังจะสิ้นสุดลงอีกหนึ่งครั้ง

หมายเหตุ: ในการโพสต์ครั้งแรกมีความผิดพลาดด้านข้อมูล เนื่องจากผู้เลือกภาพเกิดความเข้าใจผิดและนำภาพ PR ของวง Benighted มาใช้แทน ขออภัยในความผิดพลาดของการตรวจสอบมา ณ ที่นี้ครับ

Album Review: “amo” โดย Bring Me the Horizon – ไปไกลกว่าคำว่าร็อก แต่บอกได้ว่างานดี

$
0
0

เรียกว่าฉีกแนวจนน่าตกใจทุกซิงเกิลที่ปล่อยออกมาเลยก็ว่าได้สำหรับ amo อัลบั้มเต็มชุดล่าสุดของ Bring Me the Horizon อดีตวงเดธคอร์ที่กลายสายพันธ์มาเป็นวงป๊อปร็อกอย่างเต็มตัวในยุคปัจจุบันเราได้พบกับ “MANTRA” งานเพลงร็อกสุดฮึกเหิมชวนโยก “wonderful life” เพลงหม่น ๆ มัน ๆ “medicine” เพลงป๊อปร็อกชวนออกสเต็ปเต้นและ “mother tongue” อิเล็กทรอนิกป๊อปสุดหวานที่ Oliver Sykes แต่งให้กับภรรยาคนใหม่กันไปแล้ว ที่จริงก่อนจะปล่อยอัลบั้มเต็มออกมาวางจำหน่ายทางวงปล่อย “nihilist blues” ออกมาให้ฟังกันอีกเพลงแต่เนื่องจากอัลบั้มเต็มมาแล้ว เราก็จะขอตะลุยไปกับ 13 บทเพลงใหม่ของพวกเขาแบบรวดเดียวจบกันไปทีเดียวเลย

amo เปิดตัวด้วย “i apologise if you feel something” แทร็กอินเทอร์ลูดลอย ๆ เปิดอัลบั้มที่มีเพียงเสียงร้องของ Oli และซาวด์ดนตรีอิเล็กทรอนิกของ Jordan Fish เป็นตัวขับเคลื่อนบิลด์อารมณ์ กลิ่นที่ลอยออกมาคือป๊อปยุคใหม่แบบไม่เหลือเค้าโครงของความดิบสากแบบในวันวาน ตามมาด้วย “MANTRA” แทร็กที่ทำให้สื่อดนตรีบางเจ้าเรียกเขาว่าท่านผู้นำลัทธิต่อกันด้วย “nihilist blues” ที่ลดดีกรีความร็อกลงแล้วเพิ่มซาวด์อิเล็กทรอนิกแบบเข้มข้นสไตล์ยูโรแดนซ์เข้าไปแทน กีตาร์ของ Lee Malia ถูกลดบทบาทลงไปมากในเพลงนี้แ ละเป็นเพลงที่ต้องบอกว่าทำให้ทางวงสามารถขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรีแนว EDM ได้แบบสบาย ๆ ก่อนที่จะตามมาด้วย “in the dark” ที่ Lee Malia ได้กลับมาดีดกีตาร์ให้เราฟังกันอีกครั้ง เพลงนี้มาในรูปแบบของเพลงโมเดิร์นร็อกจังหวะช้าที่ชวนให้เราเลื้อยตัวซ้ายขวาตามไปแบบเพลิน ๆ แม้จะได้ยินริฟฟ์กีตาร์ที่ทำให้นึกถึงงานชุดที่แล้วอยู่บ้าง แต่ก็มาแค่นิดเดียวจริง ๆ แต่เพลงฟังเพลินมาก ๆ แถมซาวด์เครื่องสายที่เสริมเข้ามาท้ายเพลงก็ช่วยให้เพลงนี้สวยขึ้นอีกเยอะทีเดียว ด้านเนื้อหาว่าด้วยเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่าง Oli และ Hannah Snowdon ภรรยาคนเก่า

So don’t swear to God, He never asked you
(ไม่ต้องไปสาบานต่อพระเจ้า ท่านไม่ได้ขอให้เธอทำ)
It’snot his heart you drove a knife through
(ไม่ใช่หัวใจของเขาเสียหน่อย ที่ถูกเธอปักมีดเข้าใส่)
It’s not his world you turned inside out
(ไม่ใช่โลกของเขาเสียหน่อยที่กลับตาลปัตร)
Not His tears still rolling down
(ไม่ใช่น้ำตาของเขาเสียหน่อยที่กำลังไหลริน)

แทร็กต่อมาคือ “wonderful life” feat. สเด็จพ่อ Dani Filth แห่ง Cradle of Filth ที่ช่วยมากระตุ้นความโหดให้กับอัลบั้มนี้กันอีกเล็กน้อย หรือจะเรียกว่าเอาใจแฟนเพลงยุคกลางของวงก็พอได้แล้วก็เป็นคิวของเพลงชื่อสั้นจำง่าย “ouch” (ออกเสียงว่าเอ้าช์ เหมือนคนไทยร้อง โอ๊ย) ซึ่งก็ฉีกจากความร็อกไปไกลอีกแล้วแทร็กนี้เป็นอินเทอร์ลูดสั้น ๆ ที่ถ้าไม่บอกว่ากำลังฟังวงร็อกชื่อ Bring Me the Horizon อยู่ เราจะนึกว่าเป็นผลงานของศิลปินฮิพฮอพรุ่นใหม่มากกว่า เพลงนี้เป็นการบิลด์อารมณ์ก่อนเข้าสู่เพลงป๊อปร็อกเนื้อหาหนักแน่นอย่าง “medicine”ที่ปล่อยออกมาให้ทำความรู้จักกันก่อนแล้ว

จบจากเพลงยาไป ชาวร็อกก็ได้เฮกันอีกครั้งเพราะริฟฟ์กีตาร์หน่วง ๆ ยาน ๆ สาดเข้ามากระแทกหูกันต่อในเพลง “sugar honey ice & tea”ที่แม้ Oli จะไม่ได้สำรอกออกมาแบบสะใจแล้วแต่เพลงนี้ก็ถือว่ามีความ upbeat และชวนโยกหัวมากกว่าหลาย ๆ แทร็กที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด ที่เด่นคือท่อนฮุกของเพลง ที่เบลนด์เอาความป๊อปร่วมสมัยและความร็อกเข้าไว้ด้วยกันได้แบบไม่รู้สึกน่าอึดอัด เสียงฟอลเซ็ตโต้ที่ร้องชื่อเพลงออกมาก็ถือว่า…ประหลาดดี ที่น่าดีใจก็คือลูกกลองของ Matt Nichols หวดได้สะใจมาก ไม่ต้องเล่นเร็ว ๆ รัว ๆ แต่เน้นทุกดอก ชอบครับ ช่วงท้ายของเพลงเราจะได้ยิน Oli กลับมาสำรอกกันอีกนิดหน่อย (นึกว่าจะไม่มีซะแล้ว) และ Lee Malia ผู้น่าสงสารของเราก็ได้โซโล่กีตาร์โชว์กับเค้าเสียที

Bring Me the Horizon ดูจะเป็นวงที่ถนัดเรื่องการกระชากอารมณ์ เพราะจากเพลงมัน ๆ ในแทร็กก่อนหน้า เพลงถัดมาอย่าง “why you gotta kick me when I’m down?” ก็หันไปหาซาวด์อิเล็กทรอนิกกันอีกแล้ว แอบรู้สึกว่าเพลงนี้ได้รับอิทธิพลของศิลปินฮิพฮอพรุ่นใหม่ ๆ มาเยอะมาก ขาดก็แค่การแร็ปแบบดุดันใส่ลงไปเท่านั้น ไม่งั้นก็เรียก Lil Sykes กันได้แบบเต็มปากเต็มคำเสียที แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นอีกแทร็กที่ฟังโคตรเพลินการได้ Jordan Fish มาเสริมทัพทำให้วงในยุคหลังมีลูกเล่นลูกล่อลูกชนในดนตรีเยอะมาก

แม้จะมีเพลงเยอะ แต่อัลบั้มนี้ก็มีแทร็กคั่นเยอะด้วยเช่นกัน และ “fresh bruises” ก็เป็นอีกท่อนของอัลบั้มนี้ที่ Jordan Fish รับหน้าที่ปล่อยของบิลด์อารมณ์กันก่อนเข้าสู่เพลงรักที่หวานที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Bring Me the Horizon อย่าง “mother tongue” ที่ถ้าคนเคยฟังแค่ผลงานยุคแรกของ Bring Me the Horizon แล้วข้ามมาฟังเพลงนี้เลยจะต้องอุทานแน่นอนว่านี่มันวงเดียวกันแน่หรือเปล่า ถึงจะมาแบบป๊อปสุดทางจนนึกว่าเป็นผลงานของ Justin Bieber หรือ The Chainsmoker แต่ก็ต้องยอมรับว่าทางวงสามารถทำออกมาได้ดีมาก ๆ และเป็นเพลงที่ติดหูแบบพร้อมท้าชนเพลงป๊อปที่มีอยู่ดาดเดื่อนในวงการเพลงกระแสหลักตอนนี้

และก็มาถึงเพลงที่ตัวผู้เขียนเองตั้งตารอมาตั้งแต่วันแรกที่ทราบแทร็กลิสต์ของอัลบั้มนี้“heavy metal” (feat. Rahzel) ยอมรับเลยว่าเป็นการตั้งชื่อที่อหังการมาก ๆ เพราะทางวงไม่มีอะไรใกล้เคียงกับแนวดนตรีที่เรียกว่าเฮฟวีเมทัลแม้แต่น้อย แต่เมื่อได้ฟังท่อนฮุกก็พบว่าทางวงตั้งใจสื่อสารกับแฟนเพลงยุคเก่า ที่ไม่ยินดีกับแนวทางดนตรีที่เปลี่ยนไปของวงและทำให้เราเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า พวกเขารู้ดีว่าสิ่งที่ทำลงไปจะได้รับผลกระทบในแง่ไหนกลับมา แต่ก็เป็นทางที่ตัดสินใจเลือกแล้ว

And I keep picking petals
(ฉันเลือกจะเด็ดกลีบดอกไม้ต่อไป)
I’m afraid they don’t love me anymore
(แม้จะกลัวเหลือเกินว่าพวกเขาอาจไม่รักฉันอีกต่อไปแล้ว)
‘Cause a kid on the ‘gram in a Black Dahlia tank
(เพราะเด็กคนนั้นในอินสตาแกรม ที่ใส่เสื้อ Black Dahlia)
Says it ain’t heavy metal
(บอกว่านี่มันไม่ใช่เฮฟวี่เมทัล)
(And that’s alright, that’s alright)
(ซึ่งมันก็ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไรเลย)

การใส่นักบีตบ็อกซ์อย่าง Rahzel แห่งวง The Root เข้ามาแทนในตำแหน่งที่ควรจะเป็นการโซโล่กีตาร์ก็ถือว่าเป็นการหยอกล้อกับชาวร็อกที่แสบมาก ๆ รวมถึงการสำรอกตอนจบเพลงนั่นอีก ก็ถือว่า Bring Me the Horizon ได้เลือกทางเดินที่ไม่มีวันหันหลังกลับมาได้เรียบร้อยแล้ว

และแทร็กปิดอัลบั้มอย่าง “i don’t know what to say” ก็มาพร้อมกันอินโทรเครื่องสาย ตามมาด้วยเสียงกีตาร์โปร่ง… ยอมรับเลยว่าอัลบั้มนี้ใส่ความคาดไม่ถึงมาให้เยอะมาก ๆ เพลงนี้พูดถึงเรื่องราวของ Aiden เพื่อนคนหนึ่งของ Oliver Sykes นักร้องนำ ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งและเสียชีวิตไปแล้ว (เพลงนี้แต่งไว้ตอนที่เขายังมีชีวิต)ด้วยเนื้อหา ด้วยซาวด์ และด้วยตำแหน่งที่ถูกวางไว้ในอัลบั้มต้องบอกตามตรงว่าเพลงนี้เป็นเพลงที่ ‘ใหญ่’ มากในหลายความหมาย และคิดว่าถ้าถูกนำไปแสดงสดในสเตเดียมใหญ่ ๆ น่าจะเป็นการปิดฉากคอนเสิร์ตที่อลังการไม่น้อย

BMTH ส่งแขกด้วยซาวด์ออเครสตราแบบยิ่งใหญ่ บอกลากันไปให้รู้แจ้งเห็นจริง ว่าพวกเขาไม่ใช่เด็กน้อยจากเมืองเชฟฟิลด์ที่ขึ้นเวทีเพื่อสำรอกแบบโหดร้ายอีกต่อไปแล้ว – งานชุด amo แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่หลากหลาย ทั้งในแง่ของการเขียนเนื้อเพลงที่สะกิดใจคนฟังและการทำดนตรีให้เหมาะกับอารมณ์ของเพลง ไม่ใช่สักแต่ว่าเล่นหนักอย่างเดียว

ยอมรับตามตรงว่าแม้จะไม่ร็อก ไม่เมทัลถึงใจเหมือนรสนิยมหลักของผู้เขียน แต่ amo ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานชั้นเซียนที่แสดงให้เห็นถึงการเจริญเติบโตทางความคิดและศักยภาพทางดนตรีของ Oliver Sykes, Jordan Fish, Lee Malia, Matt Kean และ Matt Nicholls ในนาม Bring Me the Horizon ได้เป็นอย่างดี

amo วางจำหน่ายวันนี้ (25 มกราคม) เป็นวันแรก

The Ghost Inside กลับเข้าสตูดิโอไปทำเพลงใหม่แล้ว

$
0
0

ย้อนกลับไปปลายปี ค.ศ. 2015 ระหว่างที่ The Ghost Inside กำลังออกตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตในสหรัฐอเมริกา รถบัสของวงก็เกิดการปะทะเข้ากับรถพ่วงอีกคัน จนเป็นเหตุให้คนขับของทั้งสองฝ่ายเสียชีวิต และสมาชิกในวงเองก็บาดเจ็บกันไม่น้อย มากในระดับที่ว่า Andrew Tkaczyk มือกลองของวงต้องสูญเสียขาไปหนึ่งข้าง

หลังจากที่รักษาและพักฟื้นกันมาหลายปี ตอนนี้ก็ได้เวลาที่วงจะกลับมาเดินเครื่องต่ออีกครั้ง มีผู้ใช้งานทวิตเตอร์ชื่อว่า @PunkGTSFury ทักไปถามที่ทวิตเตอร์ @theghostinside ถึงความคืบหน้าของวงว่าเป็นยังไงกันบ้างแล้ว พวกเขาก็ตอบกลับมาง่าย ๆ ด้วยการเซลฟี่ภาพการทำงานในสตูดิโอ พร้อมอีโมจิหน้ายิ้มแบบผ่อนคลาย

เมื่อช่วงปลายปี 2018 ที่เพิ่งผ่านมา Jonathan Vigil นักร้องนำ และ Jim Riley มือเบส เปิดตัวอย่างเพลงใหม่ชื่อว่า “Aftershock” ให้แฟนคลับฟังกันสั้น ๆ ผ่านแพลตฟอร์ม Twitch ระหว่างถ่ายทอดสด เพลงนี้เป็นผลงานที่พวกเขาทำกันไว้ตั้งแต่ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นในปี 2015 (คาดว่าน่าจะถูกหยิบมารวมในอับลั้มใหม่ด้วย)

[ ที่มา – Loudwire (1), (2) ]

สมาชิก Pantera, Slipknot, Foo Fighters, Anthrax และ Megadeth คัฟเวอร์เพลง “Walk” บนเวทีเดียวกัน

$
0
0

เมื่อคืนวันพฤหัสที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา ณ เมืองแซนตา แอนา รัฐแคลิฟอร์เนีย มีคอนเสิร์ต Dimebash ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงการจากไปของ Dimebag Darell Abbott มือกีตาร์วง Pantera ผู้ล่วงลับ งานนี้จัดโดย Jose Mangin แห่งคลื่นวิทยุ Sirius XM โดยเป็นการนำเอาศิลปินร็อก-เมทัลชื่อดังมาร่วมกันเล่นเพลงของเพื่อนผู้จากไป

ไฮไลท์ของงานปีนี้หนีไม่พ้นการเล่นเพลง “Walk” ผลงานโคตรคลาสสิกของวง ซึ่งได้ Rex Brown มือเบส Pantera เจ้าของเพลงนำทัพ ตามมาด้วย Corey Taylor แห่ง Slipknot/Stone Sour, Dave Grohl จาก Foo Fighters, Scott Ian และ Charlie Benante แห่งวง Anthrax และ Chris Broderick อดีตสมาชิก Megadeth ขึ้นมารวมตัวเพื่อแจกจ่ายความมันให้กับเหล่าสาวกไปด้วยกัน

Dimebag ถูกยิงเสียชีวิตลงในวันที่ 8 ธันวาคมปี ค.ศ. 2003 ระหว่างทำการแสดงสดกับวงดนตรีใหม่ชื่อ Damageplan ในเมืองโคลัมบัส รัฐโอไฮโอ เขาเสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 38 ปีเท่านั้น

ชมคลิป:

[ ที่มา – Blabbermouth.net ]

Annalynn ต้อนรับชาวแก๊งด้วยแร็ปแบบเดือด ๆ กับเพลงใหม่ “Welcome to the Crew”

$
0
0

ต้นปี 2019 เป็นช่วงขาขึ้นแบบสุด ๆ อีกครั้งของวง Annalynn เมทัล/ฮาร์ดคอร์ระดับแนวหน้าของซีนเพลงสายหนักเมืองไทย เปิดศักราชกันด้วยการไปทัวร์เป็นวงเปิดให้ตัวพ่อจากเกาะอังกฤษอย่าง While She Sleeps แล้วก็กลับมาปล่อยเพลงใหม่ให้ฟังกัน

ตอนฟัง “Welcome to the Crew” ทีแรกไม่ได้เปิดมิวสิกวิดีโอไปด้วย เลยเข้าไจไปว่าท่อนที่เป็นการแร็ปสไตล์นูเมทัลแบบจัดจ้านเป็นการชวนใครมาแจมหรือเปล่า แต่พอเปิด MV ดูก็ต้องร้อง เหยด เพราะเป็นเสียงพี่บอนนักร้องนำเอง เพราะไม่คุ้นกับเสียงพี่แกเหมือนท่อนสำรอกที่ฟังมาในหลาย ๆ อัลบั้มที่ปล่อยมา (แต่ที่จริงในยุคแรก ๆ ของวงก็มีความเป็นนูเมทัลอัดแน่นอยู่ไม่น้อยครับ)

ภาคดนตรีคราวนี้ก็ถือว่าเปลี่ยนกลิ่นไปมาก เพราะยืนพื้นด้วยนูเมทัลจังหวะโยก ๆ โดด ๆ แถมมีสแครตช์แผ่นด้วย (แน้~) เรื่องดนตรีในเพลงนี้ถือว่าหายห่วง ไลน์อัพล่าสุดเล่นเข้าขากันดี แน่นปึ้ก ชวนคึกแทบทุกท่อน แถมลูกล่อลูกชนในการจัดเรียงความหนัก-เบาของตัวเพลงก็อยู่ในระดับกำลังดี หนัก แต่มีช่วงพัก ไม่ต้องฟาดฟันกันทุกวินาที (เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเหนื่อยตาย!)

ถึงจะบอกว่าเป็นนูเมทัล แต่เรารู้สึกว่ากลิ่นของเพลงนี้มันโมเดิร์นมาก ๆ น่าจะเหมาะกับคนชอบวงเมทัลคอร์ยุคใหม่ที่มีกลิ่นนูฯ แบบ Attila หรือ Sylar มากกว่า แต่คอนูยุคเก่า หรือคนชอบเมทัลคอร์ดุ ๆ ก็ฟังได้ น่าจะอินได้ไม่ยากครับ


“คุณมีสิทธิ์ที่จะเกลียดงานชุดนี้”– Oliver Sykes แห่ง Bring Me the Horizon เผยความในใจผ่านอินสตาแกรมหลัง ‘amo’วางแผง

$
0
0

หลังจากที่อัลบั้ม amo ถูกปล่อยออกมาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ Bring Me the Horizon ก็กลับมาอยู่ในจุดที่พวกเขาเคยอยู่มาแล้วอีกครั้งในวันวาน ซึ่งก็คือ ‘จุดเปลี่ยน’

ในอดีตทางวงเคยทิ้งซาวด์แบบเดธคอร์ในอัลบั้มแรก Count Your Blessings ออกมาหาซาวด์แบบเมทัลคอร์และโพสต์ฮาร์ดคอร์ในหลายอัลบั้ม แต่กับ amo สตูดิโออัลบั้มเต็มชุดที่หก ก็เป็นการก้าวผ่านแนวดนตรีเหล่านั้นมาสู่การเป็นวงดนตรีป๊อปร็อกสุดฉูดฉาดอย่างเต็มตัว

และก่อนจะแสดงคอนเสิร์ต ณ Coca-Cola Roxy ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา (หลังออกอัลบั้ม 1 วัน) Oliver Sykes นักร้องนำของวงก็ได้ทำการเปิดใจผ่านคำบรรยายภาพในอินสตาแกรมเอาไว้ว่า:

“ผมชอบนะครับที่อัลบั้มนี้มันสร้างความสั่นสะเทือนได้ มันไม่เป็นแบบนี้มานานแล้วครับ ตั้งแต่ตอนออกอัลบั้ม ‘Suicide Season’ โน่นเลย มีเด็ก ๆ มากมายที่ออกมาด่ามันเต็มไปหมด… เพราะว่างานชุดนี้มันแตกต่างออกไปจากซีนที่เราเคยอยู่กันมา… ตัวผมเองสนับสุนุนให้คนแสดงความเห็นที่แท้จริงออกมา 100% เลยนะครับ และถ้าคุณคือคนที่ชอบฟังเพลงเมทัลและฮาร์ดคอร์ แบบที่ไม่มีสิ่งอื่นเจือปน คุณมีสิทธิ์ที่จะเกลียดงานชุดนี้ :) แต่ถ้าคุณเปิดรับมากกว่านั้น… ที่ผมอยากจะบอกก็คือ ถ้าคุณตัดสินงานชุดนี้ด้วยการฟังแค่ครั้งเดียว บางทีคุณน่าจะลองฟังมันอีกครั้งนะ ผมมั่นใจจริง ๆ ว่าคุณจะต้องประหลาดใจตัวเองแน่นอน… แต่มันก็เป็นเรื่องตื่นเต้นมากนะครับ การที่ทำอัลบั้มให้ผู้คนสามารถรู้สึกอะไรได้มากขนาดนี้… มันทำให้ผมรู้สึกถึงความเป็น Bring Me the Horizon อีกครั้ง ขอบคุณจริง ๆ ครับ”

“และถ้าคุณชอบอัลบั้มนี้ ได้โปรดฟังมันซ้ำแแล้วซ้ำเล่า ชอบมันตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันด้วยนะครับ :) แอตแลนตา เจอกันคืนนี้!!”

อ่านรีวิวอัลบั้ม amo ฉบับเต็มจาก Headbangkok ได้ที่นี่

มือกลอง Tool เผย อัลบั้มใหม่ในรอบ 13 ปีจะมาในเดือนเมษายนนี้

$
0
0

ว่าด้วยเรื่องของวงดนตรีที่เก่งเรื่องการดองอัลบั้ม ต้องมีชื่อของ Tool ติดอยู่แน่นอน อัลบั้มล่าสุดที่ใช้ชื่อว่า 10,000 Days ของพวกเขาปล่อยออกมาในปี ค.ศ. 2006 และหลังจากนั้นเหล่าสาวกก็ได้แต่รอคอยกันเรื่อยมา ว่าเมื่อไหร่ Maynard James Keenan และพรรคพวกจะกลับมาปล่อยของกันอีก

ก่อนหน้านี้ Maynard เคยออกมาให้ข้อมูลความคืบหน้าผ่านทวิตเตอร์ไว้ว่าบันทึกเสียงร้องให้กับอัลบั้มชุดแรกในรอบ 13 ปีของ Tool เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าเราจะได้ฟังผลงานใหม่ของวงกันในช่วงไหน

แต่ล่าสุดที่งาน NAMM (National Association of Music Merchants) ซึ่งเป็นมหกรรมรวมตัวผู้ค้าอุปกรณ์ดนตรีที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกา Danny Carey มือกลองของวงก็ตอบคำถามแฟนคลับที่พบกันในงานว่า อัลบั้มใหม่ของวงจะออกในช่วงกลางเดือนเมษายนนี้

และล่าสุดที่เว็บไซต์ ToolBand.com ก็มีการอัพเดตหน้าเว็บ เผยวิดีโอทีเซอร์ตัวใหม่ออกมาให้เหล่าสาวกได้ตื่นเต้นกันแล้วด้วย เข้าไปสรรเสริญบูชาความล้ำครั้งใหม่กันได้ตามสะดวกครับผม!

[ ที่มา – Lambgoat ]

“นางในฝัน”ความมันฉบับป๊อปพังก์ที่ไม่จืดชืด ผลงานล่าสุดจาก Handy Marathon

$
0
0

เพิ่งจะผ่านพ้นการขึ้นแสดงที่งาน POP PUNK คับเว่อร์ ที่ Old School Party กับ Headbangkok ร่วมกันจัดไปหมาด ๆ Handy Marathon วงป๊อปพังก์สายเลือดไทยมากฝีมือก็ส่งซิงเกิลใหม่ “นางในฝัน” ออกมาให้ฟังกันแล้ว มาทำความรู้จักกับเพลงนี้กันหน่อยดีกว่าครับ

แนวดนตรีพื้นฐานในเพลงนี้ยังคงเป็นป๊อปพังก์เช่นเดิม แต่เพิ่มเติมคือการเปลี่ยนสัดส่วนดนตรีในแต่ละท่อนที่มีเทคนิคเหลือร้าย เช่นการเปลี่ยนจากท่อนสับกลายเป็นท่อนโยกที่ใส่เข้ามาได้แบบเข้าท่ามาก ๆ ยิ่งช่วงท้าย ๆ เพลงมีการเปลี่ยนสัดส่วนโชว์โหดจนกลายเป็นเพลงเมทัล ยิ่งทำให้รู้สึกว่าวงนี้มีของจริง ๆ ส่วนเนื้อเพลงแต่งขึ้นโดยใช้ภาษาไทย เข้าใจง่าย สามารถสื่อสารกับคนฟังในไทยได้กว้างมาก ๆ

ฟังแล้วรู้สึกไม่จำเจและสนุกไปกับการเปลี่ยนสัดส่วนของเพลงนี้มาก ๆ ใครชื่นชอบดนตรีแนวนี้เป็นพิเศษก็ขอเชิญรับ Handy Marathon ไว้พิจารณาอีกหนึ่งวงด้วยนะครับ ติดตามข่าวสารและผลงานใหม่ ๆ จากทางวงกันต่อได้ที่เพจ Handy Marathon (@HandyMarathon) บนเฟซบุ๊กครับ


Move Along ปล่อยเพลงใหม่สไตล์ป๊อปพังก์ช้าหม่น “Cave”พร้อมมิวสิกวิดีโอ

$
0
0

หลังจากที่เปิดตัวซิงเกิลแรกไปได้ไม่นาน Move Along วงป๊อปพังก์สัญชาติไทยหน้าใหม่ก็ส่งซิงเกิลใหม่ “Cave” ออกมาให้ได้ฟังกันแล้ว

เพลงนี้ออกแบบมาให้เป็นเพลงช้า บรรยากาศเหงา ๆ หม่น ๆ สอดคล้องกับเนื้อหาของเพลงนี้ที่เล่าถึงความสิ้นหวัง (เนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ) ดนตรีเพลงนี้จึงมีเมโลดี้แบบอีโมเข้ามาผสมผสานกับซาวด์แบบป๊อปพังก์มากทีเดียว เพื่อช่วยให้ภาพรวมของเพลงเป็นไปในทางเดียวกันทั้งหมด

เพลงนี้ได้ หนุ่ม นักร้องนำ Nobuna, Teresa และ เติ๊ดไดหนุ่ม มารับหน้าที่โปรดิว ควบคุมการอัดทั้งหมดจนถึงขั้นตอนการทำมาสเตอร์ แถมมาช่วยโซโล่กีตาร์ให้อีกด้วย (แหม จ้างคุ้มจริง ๆ ฮ่า ๆ)

เป็นวงหน้าใหม่ที่ดูมีไฟในการทำเพลงที่ร้อนแรงจริง ๆ ใครชื่นชอบสายป๊อปพังก์น่าจะหลงรัก Move Along ได้ไม่ยากเลยครับ ไปติดตามผลงานของวงกันต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊ก Move Along (@movealongth)


“Angel of Death” บทเพลงของ Slayer ที่ฉายภาพความโหดร้ายในค่ายเอาช์วิตซ์แบบชัดเจนจนเกินไป

$
0
0

นอกจาก “Raining Blood” แล้ว อีกเพลงที่เหล่าสาวกของ Slayer ยกให้เป็นเพลงชาติของวงในอันดับรองลงมือก็คือ “Angel of Death” จากงานชุด Reign in Blood ชุดเดียวกัน

เพลงนี้ไม่ได้มีดีแค่การขยี้ริฟฟ์กีตาร์แบบสะใจ พ่วงด้วยลูกโซโล่แบบเอาเป็นเอาตายของสองขุนขวาน Kerry King และ Jeff Hanneman ผู้ล่วงลับ หรือฝีตีนการรัวกระเดื่องปืนกลหลังท่อนโซโล่ของ Dave Lombardo เท่านั้น แต่เนื้อหาของเพลงก็ถือว่าเกรี้ยวกราด ดุดัน และเป็นที่ถกเถียงในเหล่าผู้ฟังเป็นอย่างมาก

เพราะเพลงนี้บรรยายรายละเอียดความโหดร้ายในค่ายกักกันนาซีไว้แบบเห็นภาพ ว่าเกิดอะไรขึ้นในค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่สองบ้าง

Auschwitz, the meaning of pain
(เอาช์วิทซ์ คือความหมายของความเจ็บปวด)
The way that I want you to die
(คือหนทางที่กูอยากให้มึงตาย)
Slow death, immense decay
(ตายอย่างเชื่องช้าท่ามกลางซากปรักหักพัง)
Showers that cleanse you of your life
(ด้วยท่อฝักบัวที่ชำระร้างมึงจากการมีชีวิต – ท่อนนี้หมายถึงห้องรสแก๊ส)

Jeff Hanneman มือกีตาร์ของวงเล่าว่าเขาได้แรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้มาจากหนังสือที่เกี่ยวกับ Josef Mengele แพทย์ประจำพรรคนาซีที่ทำการทดลองเหล่าเชลยในค่ายกักกันอย่างโหดร้ายทารุณ

เพลงนี้สร้างปัญหาให้ Slayer ไม่น้อยเลยทีเดียว เริ่มจากการที่ทาง Columbia  Records ซึ่งรับหน้าที่เป็นผู้ผลิตอัลบั้ม (distributor) ปฏิเสธที่จะสร้างผลงานชิ้นนี้ให้กับ Def Jam Records ต้นสังกัดของวง ก่อนที่จะมาได้ Geffen Records รับหน้าที่ผลิตให้แทน โดยไม่มีชื่อของอัลบั้มนี้ปรากฎในตารางการปล่อยอัลบั้ม ณ ช่วงเวลานั้น (ค.ศ. 1986)

นอกจากนี้แล้วเพลงดังกล่าวยังสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับเหล่าผู้รอดชีวิตจากค่ายกักกันดังกล่าว ครอบครัวของผู้ที่เกี่ยวข้อง และสาธารณชนด้วย ซึ่งก็ลามมาถึงการตั้งข้อสงสัยในตัว Jeff เพราะเขาเองก็มีของสะสมเป็นเหรียญต่าง ๆ ของกองทัพนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

Surgery, with no anesthesia
(การผ่าตัดที่ไร้ซึ่งยาระงับใด ๆ)
Feel the knife pierce you intensely
(สัมผัสถึงปลายมีดที่แทงเข้าไปไม่รู้จบ)
Inferior, no use to mankind
(พวกเผ่าพันธ์ด้อยกว่า ไม่มีค่าในการใช้งาน)
Strapped down screaming out to die
(ถูกมัดไว้และกรีดร้องไปจนตาย)

Kerry King อีกหนึ่งขุนขวานของวงให้สัมภาษณ์ไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า:

“ใช่ Slayer แม่งเป็นทั้งพวกนาซี ฟาสซิสต์ คอมมิวนิสต์ แม่งเป็นทั้งหมดแหละครับ และแน่นอนว่าเราได้รับคำวิจารณ์อย่างหนักในประเทศเยอรมนี ซึ่งผมก็บอกอยู่ตลอดนะครับว่า ‘อ่านเนื้อเพลงดูสิวะ แล้วบอกผมทีว่าตรงไหนที่มันทำให้เดือดเนื้อร้อนใจนัก ช่วยมองมันเป็นสารคดีไม่ได้หรือไง หรือคุณคิดว่าพวกเราวง Slayer แม่งกำลังบูชาสงครามโลกครั้งที่สองกันอยู่?” ผู้คนคิดแบบนี้กันตลอดแหละครับ โดยเฉพาะในแถบยุโรป และคุณไม่สามารถเอาเรื่องนี้ออกจากหัวพวกเขาได้หรอกครับ”

เพลงนี้ทำให้ Slayer ถูกตราหน้าว่าเป็นพวกเหยียดเชื้อชาติมาตลอด ซึ่งทางวงก็ปฏิเสธมาตลอดด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นความเป็นจริงจะเป็นเช่นไรไม่มีใครสามารถตอบได้ เพราะ Jeff Hanneman ผู้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเพลงเพลงนี้ได้จากโลกเราไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แม้จะเป็นเพลงที่โหดร้ายและก่อให้เกิดข้อถกเถียงในสังคมตามมาเป็นอย่างมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า “Angel of Death” คือหนึ่งในเพลงที่คอเพลงเมทัล ‘ต้องเคยฟัง’ หรือ ‘ศึกษาเอาไว้’ ถึงประวัติศาสตร์ของดนตรีแนวนี้ว่าเป็นมายังไง ก็ถือว่ามีคุณูปการในการสร้างซีนเพลงสายหนักมาจนถึงปัจจุบันเป็นอย่างมากทีเดียวครับ

อ้างอิง:

Album Review: Home is a Person EP โดย NUMAN – งานแม็ทร็อกฟังเพลิน สบายหู แต่สั้นไปนิด

$
0
0

นอกจากบทบาทการเป็นขุนขวานในวงโพสต์ฮาร์ดคอร์สูงวัยไฟแรงอย่าง The Rocket Whale แล้ว นูมาน มือกีตาร์ของวงยังทำโปรเจ็กต์เดี่ยวภายใต้ชื่อ NUMAN ด้วย เป็นงานสไตล์แม็ทร็อกสายล่องลอย และก็เพิ่งงานอีพีใหม่ชื่อ Home is a Person ความยาว 19 นาทีออกมาให้ฟังกัน

ถึงจะบอกว่าเป็นสมาชิกวงโพสต์ฮาร์ดคอร์ แต่ TRW ก็เป็นวงที่ให้ความสำคัญกับเมโลดี้มาก ๆ และก็แสดงให้เห็นกันตั้งแต่ “Fast Track to the End of the World” แทร็กแรก อุ่นเครื่องปูเรื่องราวก่อนเข้าสู่เนื้อในของอัลบั้มนี้ เพลงนี้ค่อย ๆ ยกระดับความสนุก/มันไปทีละนิดโดยมีเมโลดี้จากกีตาร์เป็นตัวเดินเรื่อง ในช่วงครึ่งหลังของเพลงนี้มีการสาดความหนักเข้ามามากกว่าช่วงต้นจนรู้สึกว่า อีกนิดจะลุกขึ้นโยกแล้วนะ – ตามมาด้วยอินโทรหวาน ๆ ในเพลงชื่อชวนตื่นเต้นอย่าง “Oh! No! Bento” ที่ไม่หนักเท่าเพลงแรก แต่เน้นไปในแอมเบียนต์แบบลอย ๆ เพลิน ๆ แทน อดโยกตัวซ้ายความตามการเกากีตาร์ของมิตรสหายท่านนี้ไม่ได้ ก็เป็นอีกโหมดที่น่าสนใจและทำให้เราสัมผัสได้ว่าน่าจะมีความหลากหลายอีกมากรออยู่ในอีก 5 เพลงที่เหลือ

© numarion.bandcamp.com

“Shimmer” ด้วยชื่อเพลงและอินโทรการเกากีตาร์เบา ๆ ทำให้ในทีแรกเราคิดว่าเพลงนี้จะมาแบบสายเหงา แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งนาที ภาคริธึมเข้มข้นที่เสริมเข้ามาก็ทำให้ฝ่ายกีตาร์สามารถโชว์เมโลดี้สวย ๆ หนักแน่น ๆ ได้มากขึ้น จังหวะจะโคนเพลงนี้ถึงจะช้า แต่ก็เป็นบรรยากาศลอย ๆ ที่ชวนให้เราโยกหัวตามได้ถึงอารมณ์มาก ๆ และยิ่งตัวเพลงเดินทางไปลึกเท่าไหร่เราก็จะได้พบกับความหนักหน่วงที่เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนเพลงถัดมา “In a Quiet Trance” ก็เป็นอีกเพลงที่แสดงชั้นเชิงทางดนตรีและความมันควบคู่กันไปได้สนุกหู มีการปั่นสายกีตาร์เกิดขึ้นให้ได้ยินในบางช่วงบางตอน เพลงนี้เป็นแทร็กที่เครื่องดนตรีชิ้นอื่น ๆ ได้ซีนไม่แพ้กีตาร์ตัวหลัก นำเสนอทั้งความหนักและทีมเวิร์กให้เห็นกันไปเลยว่านี่คือ NUMAN แห่ง The Rocket Whale เลยนะเฟ้ย

ช่วงกลางค่อนไปทางท้ายอัลบั้ม เป็นเวลาของ “Safe Street” ที่มากับการรัวกลองปูทางคู่ไปกับเมโลดี้กีตาร์ ชวนเคลิ้ม ให้ความรู้สึกปลอดภัยไม่ต่างจากชื่อเพลง ภาคริธึมของเพลงนี้ออกแบบมาสะกดจิตให้ต้องโยกตัวตาม (พยายามนั่งฟังนิ่ง ๆ แล้วทำไม่ได้จริงจริงนะครับ)

© numarion.bandcamp.com

ช่วงท้ายอัลบั้มเป็นเพลง “Think Tank Machine” ที่เคยเขียนถึงไปแล้วก่อนหน้านี้ตอนที่ปล่อยมิวสิกวิดีโอออกมา เมโลดี้กีตาร์เคลือบน้ำตาลยังเป็นพระเอกไม่ต่างจากแทร็กอื่น ๆ ในอัลบั้ม เพลงนี้เป็นการเดินทางแบบเรื่อย ๆ กลาง ๆ ไม่หวือหวานักในสายตาเราถ้าเทียบกับเพลงอื่น ๆ ต่างไปจากเพลงสุดท้ายอย่าง “Anchor, Center” ที่มีลูกเล่นเป็นการใช้กีตาร์สามไลน์ในเพลงเดียว ไลน์นึงเล่นเมโลดี้หวาน ๆ เดินเรื่องไป อีกไลน์เกาคอร์ดเสริม และอีกไลน์มากับเสียงแตกนิด ๆ ช่วยยกระดับอารมณ์ส่งท้ายก่อนปิดอัลบั้มไปแบบไม่อยากให้จบ

Home is a Person มีให้ฟังกันบนเว็บไซต์ Bandcamp และมีซีดีจำหน่ายด้วย ใครสนใจเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสนับสนุนเจ้าของผลงานกันได้ที่ numarion.bandcamp.com/album/home-is-a-person

Mayday Parade เปิดตัวซิงเกิลใหม่ “Sunnyland”

$
0
0

Mayday Parade วงอีโม/ป๊อปพังก์จากเมืองทัลลาฮาสซี รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา เปิดตัว “Sunnyland” ซิงเกิลใหม่จากอัลบั้มที่ใช้ชื่อเดียวกันออกมาให้ฟังกันแล้ว ออกวางจำหน่ายไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2018 กับ Rise Records

เพลงนี้มาในรูปแบบอะคูสติก ตีคอร์ดกีตาร์คลอไปกับเสียงร้องของ Derek Sanders อย่างเหงา ๆ กินเกาเหลาก็ไม่อร่อย (เกี่ยวอะไรกัน!) และยิ่งตอกย้ำความเหงาให้ดำดิ่งลงไปอีก ด้วยซาวด์จากเปียโนและเหล่าเครื่องสายที่พวกเขาเลือกหยิบมาใช้อย่างถูกที่ถูกเวลา

เป็นอีกหนึ่งเพลงช้า ๆ เพราะ ๆ ที่น่าจะเหมาะไว้พักหูจากการฟังเพลงหนัก ๆ กันนะครับ

Mayday Parade เคยประสบความสำเร็จอย่างมากกับอัลบั้มชื่อเดียวกับวงที่ออกวางจำหน่ายเมื่อปี 2011 สามารถไต่ชาร์ต U.S. Billboard Independent Albums ได้ถึงอันดับ 2 และมีซิงเกิลฮิตตลาดแตกอย่าง “Oh Well, Oh Well” ด้วย เป็นอีกวงที่ชาวป๊อปพังก์ไทยรอคอยกันมายาวนานมากแล้ว ไม่รู้เมื่อไหร่จะมาซักทีครับ


“เหี้ยไป…จัญไรมา”ซิงเกิลคัมแบ็คที่เป็นประเด็นร้อนในรอบสัปดาห์ จากวงธันวามหาโหด Dezember

$
0
0

จัดว่าเป็นเพลงที่มีคนรอคอยจะฟังไม่น้อย (ในหลาย ๆ ความหมาย) สำหรับ “เหี้ยไป…จัญไรมา” ผลงานคัมแบ็กในรอบหลายปีของยอดวงโปรเกรสซีฟเดธเมทัลระดับตำนานของเมืองไทยอย่าง Dezember ที่เป็นประเด็นตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีทีเซอร์ออกมาด้วยซ้ำ

ด้วยความที่เป็นเพลงเกี่ยวกับการการเมือง สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้แน่นอนคือการถกเถียงเกี่ยวกับเนื้อหาจากผู้ฟังที่มีจุดยืนทางการเมืองแตกต่างกัน (ผู้เขียนเองก็มีจุดยืนทางการเมืองที่ไม่ตรงกับสมาชิกวง Dezember แบบที่น่าจะเรียกได้ว่าคนละขั้ว) เพราะฉะนั้นแล้ว… สิ่งที่จะพูดถึงเกี่ยวกับโคตรผลงานคัมแบ็กนี้เราจะแบ่งเป็นสองส่วน คือ 1. ดนตรี 2. เนื้อหา

ว่าด้วยเรื่องตัวดนตรี ฝีมือในการสร้างสรรค์ผลงานของ Dezember ยังทำให้เราตะลึงหูไม่ต่างจากสมัยหัดฟังเพลงเมทัลเมื่อสมัยยังเป็นวัยรุ่น ความซับซ้อนและหลากลูกเล่นในฉบับโปรเกรสซีฟเดธเมทัลของเพลงไม่ได้ทำให้ผลงานเสพยากขึ้น การทำเพลงที่เล่นยาก แต่เข้าถึงง่าย ถือเป็นจุดเด่นของวงที่คนเล่นแนวเมทัลรุ่นหลังต้องเรียนรู้เลยก็ว่าได้ ลูกโซโลของพี่ต้นหรือไลน์เบสของพี่เช็คมีอะไรให้เราว้าวกันเรื่อย ๆ มือกลองของพี่ธน สมาชิกใหม่ที่เข้าแทนพี่รัตน์ (ผู้ซึ่งย้ายไปอยู่ Silly Fools) ก็ทำหน้าที่ได้ดุดันไม่แพ้กัน และเสียงร้องของพี่อ๊อฟก็ยังมีพลังมาก แม้ Dezember จะเลยช่วงวัยรุ่นมานานแล้วก็ตาม ถือว่าดูแลรักษาคุณภาพเสียงได้ดีมาก ๆ

แต่ในด้านเนื้อหา ก็ต้องถือว่ามีความน่าปวดหัวในแนวคิดอยู่ไม่น้อยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่นท่อนเวิร์สแรก ที่ว่า:

“พอ!…กันทีกับเรื่องการเมือง / กูร้องมาอย่างต่อเนื่อง / เปลืองเนื้อเปลืองตัวชิบหาย / ไม่เห็นมีเหี้ยไรดีขึ้นมา / กูด่าแดกดันแทบตาย / พวกมึงก็แดกกระจาย / เสมือนวาระสุดท้าย / ทิ้งทวนก่อนตายไว้ให้ลูกหลาน”

มองในแง่ของการระบายอารมณ์ ท่อนนี้ถือว่าส่งพลังออกมาได้ชัดเจนมาก แต่เราแอบติดใจกับคำว่า ‘เปลืองตัว’ เป็นอย่างมาก เพราะในมุมของผู้เขียน เราไม่คิดว่าแค่ลุกขึ้นมาแต่งเพลงด่านักการเมือง หรือด่าเรื่องใด ๆ ก็ตาม จะเป็นการ ‘สร้างความเปลี่ยนแปลง’ อย่างมากก็เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความตระหนักรู้ให้กับคนฟัง แต่ถ้าหวังจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม เรามองว่า การร้องเพลงด่าเป็นเพียงขั้นตอนแรก ๆ ของการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น ถ้าคิดว่า ‘ด่าแดกดันแทบตาย’ แล้วจะมีอะไรเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นทันที เราคงไม่ต้องมีกระบวนการทางการเมืองอื่น ๆ แล้วกระมัง

หรือช่วงหลังของเพลง ที่บอกว่า:

“ได้คะแนนจากการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น / ประชาชนต่างไว้วางใจคาดไม่ถึง / เจตนาธาตุแท้ในไส้ของพวกมึง / เข้ามาถึงก็ฮั้วกันแหลกแดกกระจาย”

ท่อนนี้ เป็นไปตามที่วงว่าจริง ๆ แต่! สุดท้ายแล้วนักการเมืองที่เข้าสู่สภาด้วยคะแนนเสียงจากการเลือกตั้ง ก็มีวาระที่ต้องจบลง และเปิดทางให้เรา ‘เลือก’ กำหนดอนาคตเองกันใหม่ หรือถ้าคิดว่าคนเหล่านี้ ‘ฮั้วกันแหลกแดกกระจาย’ ขึ้นมาจริง ๆ เราก็สามารถทำอะไรตั้งหลายอย่างเพื่อทำให้นักการเมืองเหล่านี้ต้องลงจากตำแหน่งได้ (การรวมตัวกันประท้วง แบบที่ทางวงเคยมีส่วนร่วม ก็เป็นวิธีหนึ่งเช่นกัน)

และเพลงท่อนที่ด่า ‘นักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง’ ก็ทำให้เราหวนกลับไปคิดถึงสเตตัสของ พี่ต้น มือกีตาร์ ที่เขียนไว้เมื่อวันที่ 22 มกราคมบนเฟซบุ๊กตัวเองว่า “…เพิ่งจะมาเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “เจ็บมาเยอะ” เพราะไม่ว่าจะยุคใด ไม่มีนักการเมืองหน้าไหน ที่จะเข้ามาบริหารประเทศไทยด้วยความบริสุทธิ์ใจและตรงไปตรงมากันซักคน …ไม่โกงมาก ก็โกงน้อย” เพราะทีแรกเข้าใจว่าทางวงเข้าใจแล้ว ว่านายกฯ ที่มาจากการรัฐประหาร ที่อ้างว่าเป็นคนดี ก็เลวได้ไม่ต่างกัน

แต่สุดท้ายก็ไม่เห็นด่าการทำรัฐประหาร ที่ทำให้การโกงกินของนักการเมือง (ในคราบทหาร) หนักข้อขึ้นกว่าที่เคยเป็นแม้แค่คำเดียว

แล้วตกลงที่พูดถึงความ ‘เจ็บมาเยอะ’ ในสเตตัสก่อนหน้า นี่หมายถึง ‘นักการเมืองหน้าไหน’ กันแน่ที่กำลังโกงกินอยู่? เพราะอย่าลืมว่า ที่เห็นหน้ากันในสภาตอนนี้ก็มีแต่ทหารที่ฉกฉวยผลประโยชน์จากความวุ่นวายเมื่อหลายปีก่อน ไม่มีพวกอื่นออกมาโกงกินให้เห็นแต่อย่างใด

ปล. ดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่นในภาครัฐทั่วโลกของปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา เราตกจาก 96 ไป 99 แล้วจากทั้งหมด 180 ประเทศ (ต่ำกว่าค่า mean แล้วนะครับ ช่วยคิดออกซักทีเถอะว่ามันไม่ใช่เรื่องของตัวบุคคล มันเป็นเรื่องของระบบ แล้วก็กลับมาสู้กันในกติกาเดิมได้แล้ว!)

Children of Bodom เตรียมเปิดตัว “Lake Bodom” เบียร์ที่ใช้น้ำจากทะเลสาบโบดอมเป็นวัตถุดิบ

$
0
0

ดนตรีเมทัลกับน้ำเมาเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เรามีวลี Sex, drugs, and rock n’ roll ที่พูดกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ และเรามีคราฟต์เบียร์มากมายที่ผลิตขึ้นภายใต้แบรนด์ของวงดนตรีเมทัล – Children of Bodom วงเมโลดิกเดธเมทัลระดับแนวหน้าของประเทศฟินแลนด์คืออีกหนึ่งวงที่กำลังจะมีเบียร์แบรนด์ตัวเองชื่อว่า Lake Bodom Pre-Prohibiton Lager ออกมาให้เหล่าสาวกสายหนักผู้รักในความเมาได้สรรหามาดื่มกัน

และเจ้าเบียร์ตัวนี้ก็ไม่ได้มีดีแค่การเป็นเบียร์ที่คิดค้นโดยวงเมทัล แต่เป็นเบียร์ที่ใช้วัตถุดิบตั้งต้นจากสถานที่สุดโหดอย่าง ทะเลสาบโบดอม ในเมืองเอสปู ประเทศฟินแลนด์

ทะเลสาบโบดอมมีชื่อเสียงขึ้นมาจากคดีฆาตกรรมหมู่ในเดือนมิถุนายน ปี ค.ศ. 1960 ซึ่งบทสรุปของคดียังคงเป็นปริศนามาจนถึงปัจจุบัน วง Children of Bodom ได้จับมือกับ Fat Lizard Brewing Co. ในการร่วมกันคิดค้นเบียร์ตัวนี้ขึ้นมา ข้อมูลเบื้องต้นที่เผยออกมาคือเจ้าเบียร์แห่งทะเลสาบโบดอมตัวนี้จะมีปริมาณแอลกอฮอล์ 5.0% และใช้น้ำที่ได้จากทะเลสาบโบดอมเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต (ในคลิปทีเซอร์จะเห็นว่ามีการตักและชิมน้ำจากทะเลสาบกันสด ๆ เพื่อยืนยันถึงความสะอาดด้วย)

Lake  Bodom จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศฟินแลนด์ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป ส่วนจะมีการจัดจำหน่ายในต่างประเทศด้วยหรือไม่ต้องมาติดตามกันต่อไป

ชมคลิปทีเซอร์:

Children of Bodom จะมีอัลบั้มเต็มชุดใหม่ชื่อ Hexed ออกมาวางจำหน่ายในวันที่ 8 มีนาคมนี้

คอนเฟิร์ม! Cryptopsy จะขึ้นเป็นเฮดไลน์งาน Brotherhood Brutality ที่กรุงเทพฯ กลางปีนี้

$
0
0

ก่อนหน้านี้เคยแจ้งให้ทราบกันไว้คร่าว ๆ ว่า Cryptopsy ยอดวงบรูทัลเดธเมทัลจากประเทศแคนาดา จะมาทัวร์คอนเสิร์ตในประเทศแถบทวีปเอเชียเป็นครั้งแรก (และมีแนวโน้มสูงว่าจะได้มาเยี่ยมเยียนเหล่าขาโหดในกรุงเทพฯ กันด้วย) ตอนนี้มีการยืนยันออกมาอย่างเป็นทางการแล้วว่า วงจะมาไทยจริง ๆ

โดย Cryptopsy จะมาทำการแสดงในฐานะเฮดไลน์ของ Brotherhood Brutality 2019 เทศกาลดนตรีสายบรูทัลที่จัดต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว โดยในปีที่ผ่าน ๆ มาก็มียอดฝีมือในสายบรูทัลจากทั่วโลกตบเท้าเข้าร่วมมากมาย ทั้ง Devourment (US), Cephalotripsy (US), Kraanium (NO), Defeated Sanity (DE), Parasitic Ejaculation (US), Maggot Colony (TW), Gorevent (JP), Myocardial Infarction (JP), Iconic Vivisect (AU) ซึ่งแน่นอนว่านี่เป็นเพียง ‘บางส่วน’ เท่านั้น ถ้าร่ายหมดตรงนี้ก็คงต้องพิมพ์กันเหนื่อยมือ

รายละเอียดเดียวที่ทราบในตอนนี้คือ งานจะจัดขึ้นในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ในเวลา 13:00-23:00 แต่จะเป็นสถานที่ใด บัตรราคาเท่าไหร่ และมีวงดนตรีวงไหนร่วมแสดงด้วยในงานบ้าง ต้องรอติดตามการประกาศจากทาง Slamman Booking Asia โปรโมเตอร์ของการทัวร์เอเชียครั้งนี้กันในเร็ว ๆ นี้

ระหว่างนี้ไปกดไลค์เพจอีเวนต์ของงานนี้กันได้ที่: facebook.com/events/335696437038592

A Dear John Letter สาดความหนักเน้น ๆ ในเพลงใหม่ “Day After Day”

$
0
0

ยิ่งวันเวลาผ่านไป โลกดนตรีก็มีผลผลิตใหม่ ๆ ที่คุณภาพดีงอกเงยขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และไม่ใช่แค่ในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ แต่จังหวัดอื่น ๆ ของประเทศไทยก็มีวงดนตรีที่ทำผลงานคุณภาพดีซุกซ่อนอยู่ไม่น้อย

ไกลขึ้นไป 700 กิโลเมตรจากกรุงเทพมหานคร ที่จังหวัดเชียงใหม่มีวงโพสต์ฮาร์ดคอร์หน้าใหม่ชื่อว่า A Dear John Letter เพิ่งปล่อยซิงเกิลแรก “Day After Day” ออกมา พวกเขาสาดความหนักแน่นในผลงานชิ้นเดบิวต์กันด้วยงานเพลงสไตล์เมโลดิกฮาร์ดคอร์สุดบู๊ ขับเคลื่อนเรื่องราวในเพลงด้วยการสำรอกเสียงกึ่งแตกแบบที่พวกวงรุ่นใหม่ชอบทำกัน ด้านดนตรีถึงจะยืนพื้นด้วยความหนัก แต่ก็มีเลเยอร์ของเมโลดี้ที่ทับซ้อนเข้ามาให้ความหนักที่มีฟังดูสวยงามมากขึ้น ใครชอบเพลงที่เน้นสาดความมันความหนักเข้าว่า เพลงนี้ตอบโจทย์

โดยรวมแล้วเป็นก้าวแรกที่ดี หวังว่าจะได้เห็นงานต่อ ๆ ไปในเร็ววัน

นอกจากการทำเพลงที่ดี พอเลื่อนไปดูเครดิตก็พบว่าเป็นผลงานของ NongNoom Studios หรือ หนุ่ม นักร้องนำวง Nobuna และ Teresa อีกแล้ว มากฝีมือและขยันสร้างผลงานจริงอะไรจริงครับรายนี้

ติดตามข่าวสารและผลงานของวงจดหมายถึงจอห์นกันต่อได้ที่เพจ A Dear John Letter (@adearjohnletter) บนเฟซบุ๊กครับผม

“ฟื้น”งานเพลงโพสต์ฮาร์ดคอร์คุณภาพเยี่ยมจาก Dead Feelings

$
0
0

ทุกวันนี้ซีนเพลงร็อกทางเลือกในประเทศไทย ไม่ได้มีวงดนตรีคุณภาพกระจุกอยู่แต่ในเมืองหลวงเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้วครับ — พิสูจน์ได้จาก “ฟื้น” ผลงานล่าสุดจาก Dead Feelings วงโพสต์ฮาร์ดคอร์จากจังหวัดนครราชสีมา (aka โคราช)

ถึงจะตีกรอบไว้ว่าเป็นโพสต์ฮาร์ดคอร์ แต่ผลงานเพลงใหม่เพลงนี้ของวงก็ถือว่าทำออกมาได้หลากหลายมาก ๆ เปิดทางกันด้วยอินโทรเมโลดี้ติดหูจังหวะคึกคักชวนโดด แล้วตัดเข้ามาสู่ช่วงของท่อนเวิร์สที่ไล่ระดับอารมณ์จากเบาไปหนักแบบไม่ต้องรอกันนาน พอถึงท่อนฮุกมีการขยี้สายกีตาร์บิลด์อารมณ์ขึ้นไปอีก เนื้อเพลงที่ทำออกมาสลับภาษาไทย-อังกฤษถือว่าลงตัวอยู่นะครับ ไม่รู้สึกว่าเป็นการฝืนหรือจับยัดแต่อย่างใด ที่เป็นไฮไลท์และต้องชมจริง ๆ ก็ท่อนเบรกดาวน์กลางเพลงนี่แหละครับ เปลี่ยนอารมณ์เพลงจนแทบลืมไอ้เพลงร็อกชวนโดดซาวด์สดใสตอนต้นไปเลย แถมตอนนี้สำรอก BLEGH! ออกมานี่ก็ให้ความคอร์มาก ๆ โคตร Architects (555)

โดยส่วนตัวแล้วเรามองว่าเพลงนี้เรียบเรียงออกมาฟังง่ายและติดหูมาก ๆ งานดีแบบนี้เอาไปชนกับวงร็อกกระแสหลักยุคนี้ได้สบาย ๆ

และจากที่ฟัง/ชมมิวสิกวิดีโอบนยูทิวบ์ดูก็พบว่า ซาวด์ดีจังวะ ก็เลยลองเอาชื่อคนมิกซ์ไปค้นกูเกิลดูก็พบว่า โปรไฟล์ไม่ธรรมดาทีเดียว ทำให้ Bomb at Track, MONOMANIA, Whal & Dolph มาแล้ว รับมือกับซาวด์ดนตรีได้หลากหลายมาก ฝีมือเอาเรื่องครับ!

ติดตามข่าวสารและผลงานใหม่ ๆ ของวงกันต่อได้ที่เพจ Dead Feelings (@deadfeelingsth)

Viewing all 6406 articles
Browse latest View live